|
เรื่อง: นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ: ฮอนด้า ประเทศไทย |
Wednesday, 18 February, 2015 0:12 AM |
|
 |
|
Honda CR-V 2.4 EL 4WD |
|
ฮอนด้า กระตุ้นตลาดรถเอนกประสงค์ด้วยการปรับโฉม ซีอาร์-วี แบบรอบคัน ภายนอกเพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังและชุดไฟหน้าใหม่ พร้อมกันชนหน้าทรงใหม่ ด้านหลังเพิ่มการตกแต่งด้วยโครเมียมบริเวณเหนือกรอบป้ายทะเบียน และเปลี่ยนกันชนหลังทรงใหม่ มาพร้อมล้อแม็กลายใหม่ โดยรวมทำให้ ซีอาร์-วี ดูสดใสทันสมัยยิ่งขึ้น ส่วนภายในเพิ่มการตกแต่งด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มบริเวณแผงคอนโซล เปลี่ยนลายไม้ใหม่ เพิ่มการตกแต่งด้วยโครเมียมและเมทัลลิกในจุดต่างๆ ช่วยให้ภายในดูสว่างขึ้น มาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสใช้งานสะดวก
ไฮไลต์ของ รุ่นปรับโฉม อยู่ที่การใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ Earth Dreams Technology แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ความจุ 2,356 ซีซี กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบส่งกำลังใหม่แบบอัตโนมัติ CVT มาพร้อมโหมด S และ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ระบบกันสะเทือนคงเดิม เพิ่มความกว้างช่วงล้อหน้า 15 มิลลิเมตร และล้อหลัง 14 มิลลิเมตร |
|
 |
|
นัดหมายกันในช่วงเช้าตรู่ที่ศูนย์ฮอนด้าแห่งใหม่ บริษัท ยูไนเต็ด ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด บนถนนราชพฤกษ์ โดยได้รับเกียรติจาก คุณอริสร โตวิวัฒน์ กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนและทีมงานฮอนด้าในฐานะเจ้าบ้านพร้อมมอบของที่ระลึก จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางโดยนั่งคันละ 4 คน ระยะทางขาไป 352 กิโลเมตร ผมรับหน้าที่ขับคนแรก ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านอำเภอนครชัยศรี และอำเภอบ้านโป่ง ก่อนจะแวะพักที่ปั๊ม ปตท. อำเภอท่ามะกา
แม้จะเป็นการขับแบบฟรีรัน แต่ทุกคันก็ขับตามๆ กันไป ใช้ความเร็วไม่สูงนัก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะสภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย มีรถค่อนข้างหนาตาตลอดเส้นทาง บางช่วงมีการขับต่อกันเป็นขบวนเพื่อบันทึกภาพนิ่งและวีดิโอ โดยเฉลี่ยแล้วใช้ความเร็วในช่วง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะใช้รอบประมาณ 1,500 รอบต่อนาทีเท่านั้น นอกจากช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงแล้ว ยังช่วยลดความสึกหรอของเครื่องยนต์ และลดเสียงของเครื่องยนต์ด้วย รวมทั้งช่วยให้การขับมีความผ่อนคลาย ถึงจุดแวะพักด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.6 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าขับด้วยความเร็วนิ่งๆ ได้ตลอดทางตัวเลขน่าจะสวยกว่านี้ |
|
 |
• (จากซ้าย) คุณอริสร โตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด และคุณศิริพร ศรีสุข
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด |
 |
|
จากนั้นออกเดินทางต่อไปยังร้านอาหารกลางวัน ครัวคุณลุง ระยะทาง 162.3 กิโลเมตร เป็นร้านอาหารไทยรสชาติเข้มข้น บรรยากาศร่มรื่นเนื่องจากอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ แม้ช่วงนี้ระดับน้ำจะค่อนข้างต่ำ แต่ก็ยังมีความชุ่มชื่นพอสมควร เติมพลังกันให้เต็มที่เพราะกิจกรรมต่อจากนี้คือ การทำโป่งเทียม สำหรับสัตว์ป่า ณ หน่วยพิทักษ์ป่า ท่าทุ่งนา ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารเพียง 6.7 กิโลเมตร ในระหว่างการทำโป่งเทียมเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่า นอกจากพืชผักและผลไม้แล้ว สัตว์ป่ายังต้องการเกลือแร่และสารอาหารเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งปกติจะหาได้จากโป่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันโป่งธรรมชาติเริ่มหมดไป หรือบางแห่งอยู่ลึกลงไปในดินทำให้สัตว์ไม่สามารถขุดลงไปได้ จึงต้องทำโป่งเทียมเป็นแหล่งอาหารของสัตว์
ขั้นตอนการทำไม่ยาก เริ่มจากเดินเข้าไปในป่าที่ลึกพอสมควร จากนั้นกวาดใบไม้บริเวณที่จะทำโป่งเทียม ขุดหลุมและสับดินให้ละเอียด ขั้นตอนนี้จะใช้แรงมากถ้าดินแข็ง เมื่อสับดินละเอียดแล้วก็จะทำเกลือมาโรย ตามด้วยเปลือกหอยบดละเอียด คลุกเคล้ากับดินแล้วกลบหลุม จากนั้นก็รอเวลาให้สัตว์ลงมากิน โดยปกติจะประเดิมด้วยช้างเพราะเป็นสัตว์ใหญ่มีแรงเยอะ จะเตะพลิกดินแล้วกินเกลือที่ผสมไว้ จากนั้นสัตว์อื่นก็จะกินตาม เมื่อเกลือหมดก็ต้องมาทำโป่งเทียมกันใหม่ โดยต้องทำหลายจุดกระจายกันไป สำหรับคนที่ไม่เคยทำงานแบบนี้ แค่โป่งเดียวกับคนสิบกว่าคนยังต้องพักและสลับกันทำอยู่นานกว่าจะเสร็จ |
|
 |
• คุณศศิวรรณ ทองดีเลิศ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด |
 |
|
ออกจากหน่วยพิทักษ์ป่า เดินทางต่อไปยังจุดแวะพักที่ 2 ปั๊มน้ำมันที่อำเภอทองผาภูมิ ระยะทางรวม 277 กิโลเมตร ปรับสภาพร่างกายก่อนเดินทางช่วงสุดท้ายประมาณ 75 กิโลเมตร ไม่ไกลแต่เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ผมรับอาสานั่งเบาะหลังเพราะไม่เมารถ แต่กว่าจะถึงที่พัก สังขละ รีสอร์ท ก็จวนเจียนจะเมารถอยู่เหมือนกัน เพราะคนขับใช้ความเร็วค่อนข้างสูง ขับเร็วแต่ดูแล้วมั่นใจไม่น่ากลัว กังวลเรื่องเมารถอย่างเดียว ถึงที่พักก็แยกย้ายกันพักผ่อน แล้วรวมตัวกันทานมื้อค่ำที่โรงแรม เป็นอีกมื้อที่อาหารรสชาติจัดจ้านถูกใจ อิ่มแล้วแอบไปเดินตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลโรงแรมนัก แม้จะเป็นวันธรรมดาแต่ก็คึกคักพอสมควร จากนั้นรีบกลับมานอนเพราะวันรุ่งขึ้นมีอีกหนึ่งภารกิจในช่วงเช้ามืด
รุ่งขึ้นตื่นตี 5 เตรียมตัวขับรถไปตักบาตรแถว สะพานมอญ ก่อนเดินทางทีมงานฮอนด้าก็เตือนแล้วว่าให้นำเสื้อกันหนาวมาด้วย แต่ด้วยความขี้เกียจและคิดว่าไม่น่าจะหนาวมาก จึงไม่ได้เอามาด้วย ก่อนถึงเวลานัดหมาย 5.30 น. ลองออกไปยืนนอกห้องพัก พบว่าอากาศยังหนาวไปนิดสำหรับคนขี้หนาวอย่างผม เช็คอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส การเดินทางช่วงนี้เพื่อนที่นั่งมาคันเดียวกับรับอาสาขับให้เพราะเคยมาที่นี่แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึงสะพานมอญ แม้จะใกล้เวลา 6.00 น. แต่ฟ้าก็ยังมืด ระหว่างรอเวลาพระมาก็ลองไปเดินเล่นที่สะพานมอญ เดินไปได้ครึ่งสะพานเห็นเงาตะคุ่มๆ ปรากฎว่าเป็นคนที่พักอยู่แถวนั้นเดินข้ามสะพานมาเพื่อตักบาตรกันอย่างคึกคัก |
|
 |
|
ตักบาตรเสร็จแวะชมความสวยงามของ วัดวังก์วิเวการาม ที่ย้ายที่ตั้งใหม่ หลังจากวัดเดิมถูกน้ำท่วม และ เจดีย์พุทธคยา เป็นเจดีย์องค์ใหญ่ ประดับด้วยฉัตรทองคำมองเห็นแต่ไกล จากนั้นจึงกลับที่พัก ทานมื้อเช้าเสร็จแล้วออกกำลังกายกันอีกนิด ด้วยการเดินลงบันไดไปท่าเรือซึ่งอยู่ติดกับที่พัก เพื่อลงเรือไปชมสะพานมอญ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทย มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งชื่อตาม หลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสร้าง นั่งเรือลอดใต้สะพานเพื่อชม วัดจมน้ำ หรือ เมืองบาดาล อดีตเป็นวัดวังก์วิเวการาม ที่หลวงพ่ออุตตมะได้สร้างขึ้นในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ เป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สายไหลมารวมกัน ประกอบด้วยแม่น้ำซองกาเลีบ แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี จากนั้นในปี 2527 มีการสร้าง เขื่อนเขาแหลม ทำให้น้ำท่วมตัวเมืองสังขละบุรี รวมทั้งท่วมวัดนี้ด้วย จังหวะดีที่ช่วงนี้น้ำแห้ง สามารถนั่งเรือไปเดินชมวัดจมน้ำได้อย่างทั่วถึง ถ้าเป็นช่วงน้ำมากน้ำจะท่วมเกือบทั้งหมด โผล่มาเฉพาะหลังคาโบสถ์เท่านั้น |
|
 |
|
นั่งเรือกลับมายังที่พักแล้วออกเดินทางต่อไปยัง ด่านเจดีย์ 3 องค์ ชายแดนไทย-พม่า ผมรับหน้าที่ขับก่อนโดยต้องผ่านช่วงที่เป็นเนินชันคดเคี้ยว ขากลับเหมือนทุกคนอยากกลับบ้าน จึงใช้ความเร็วค่อนข้างสูง กับถนน 2 เลนสวน ต้องพยายามเกาะกลุ่มกันไว้เพราะเมื่อคันหน้าแซงไปแล้ว จะวิทยุบอกรถในขบวนที่ขับตามว่าถนนด้านหน้าว่างพอจะแซงได้ไหม เมื่อใช้ความเร็วสูงในโค้ง รถก็จะมีการโยนตัวมาก ผมพยายามขับตัดโค้งเพื่อลดอาการโยนเพราะเกรงใจผู้โดยสารโดยเฉพาะ 2 คนที่นั่งเบาะหลัง ส่วนคนที่นั่งเบาะหน้าข้างผู้ขับก็ย่ำแย่พอกัน ถ้าเป็นการเดินทางคนเดียวคงใช้ความเร็วต่ำกว่านี้ แต่ครั้งนี้ช้าไม่ได้เพราะมีรถปิดท้ายขบวนมาด้วย
ระบบกันสะเทือนของ ซีอาร์-วี รองรับการขับในโค้งด้วยความเร็วสูงเกินการใช้งานปกติไปบ้างได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการว่าจะสูญเสียการควบคุม ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะผมลดความเร็วลงค่อนข้างมากก่อนจะเข้าโค้ง เพราะทั้งไม่ชินทางและเกรงใจผู้โดยสาร รถจึงไม่ค่อยเหวี่ยงหรือโยนมากนัก การเร่งแซงต้องใช้รอบค่อนข้างสูงซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ การไต่รอบทำได้อย่างลื่นไหล เกียร์อัตโนมัติ CVT กับโหมด S +/- ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงได้เป็นอย่างดี ลดเกียร์เลี้ยงรอบรอไว้ เมื่อไม่มีรถสวนมาก็กดคันเร่งแซงได้ทันที ส่วนการขึ้น-ลงเนินชันโหมด +/- ก็ช่วยได้มาก ขาขึ้นช่วยรักษาความเร็วโดยรอบไม่ตก แม้ผ่อนคันเร่ง ขาลงช่วยดึงความเร็วไว้ ลดภาระของเบรก (ไม่ใช่การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพื่อชลอความเร็ว)
|
|
 |
|
จากนั้นสลับคนขับโดยผมย้ายไปนั่งเบาะหลังอีกครั้ง พนักพิงเบาะหลังของ ซีอาร์-วี ปรับความเอนได้ จึงช่วยให้นั่งนานๆ ได้โดยไม่เมื่อยล้ามากนัก มีช่องแอร์ด้านหลังช่วยกระจายความเย็น ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านอาหารกลางวัน แม่สมสอง อำเภอไทรโยก อยู่ห่างจากน้ำตกไทรโยกประมาณ 2 กิโลเมตร อาหารรสชาติถูกปากและค่อนข้างหลากหลาย ออกจากร้านอาหารสลับผู้ขับอีกครั้ง ผมย้ายกลับไปนั่งเบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารปรับเบาะให้เข้าที่ ปรับแอร์ให้พอเหมาะ จากนั้นก็เปิดเครื่องร่นเวลา หลับไปพักใหญ่ตื่นมาอีกครั้งก็ใกล้จะถึงโชว์รูมฮอนด้าซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแล้ว
ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่นปรับโฉม ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น ภายในตกแต่งเรียบร้อยสวยงาม อุปกรณ์มาตรฐานครบครันเหลือเฟือสำหรับการใช้งาน เครื่องยนต์ใหม่ให้การตอบสนองที่ดี ถ้าต้องการกำลังต้องอาศัยรอบเข้าช่วย ส่วนการเดินทางไกลด้วยความเร็วคงที่ เกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ CVT ช่วยลดรอบได้ดี ส่งผลให้เดินทางได้อย่างราบเรียบและผ่อนคลาย เด่นที่ความกว้างขวาง นั่ง 4 คนได้แบบสบายๆ ไม่อึดอัด รุ่นที่ทดสอบเป็นรุ่นสูงสุด ตั้งราคาไว้ 1,580,000 บาท • |
|
ขอบคุณ: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง |
|