|
|
ภาพ: สุพรรณี ยังอยู่ และ ดูคาติ ประเทศไทย |
Wednesday, 11 March, 2015 11:11 AM
|
|
 |
|
Ducati Thailand |
|
ดูคาติ ไทยแลนด์ แถลงข่าวความสำเร็จ ยอดขายสูงสุดในเอเชีย คว้ารางวัล Best Importer of the Year 2014 ครั้งที่ 2 เตรียม เปิดตัวดูคาติรุ่นใหม่ 2 รุ่นใน มอเตอร์โชว์ 2015 พร้อมประกาศนโยบายปี 2015 เสริมศักยภาพด้านการให้บริการ และหลักสูตร DRE แบบไม่จำกัดแบรนด์
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูคาติ ไทยแลนด์ กล่าว่า "ดูคาติ ไทยแลนด์ ได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศ Best Importer of the Year 2014 โดย บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด มหาชน มอบให้แก่บริษัทผู้นำเข้ารถจักรยานยนต์ดูคาติที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ ถือเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศอันสูงสุด ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจในความมุ่งมั่นทุ่มเทของบุคลากรในดูคาติ ไทยแลนด์ โดยการได้รับรางวัลดังกล่าว ถือเป็นการได้รับรางวัลครั้งที่ 2 ของดูคาติ ไทยแลนด์ จากที่เคยได้รับรางวัลในปี 2012 การันตีถึงความสำเร็จและความเป็นมืออาชีพของดูคาติ ไทยแลนด์"
ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดูคาติ ไทยแลนด์ ได้มุ่งมั่นทุ่มเทพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งด้านการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะการรณรงค์เรื่องของการขับขี่ปลอดภัย ผ่านหลักสูตรการอบรมการขี่รถดูคาติอย่างถูกต้อง และปลอดภัย Ducati Riding Experience หรือ DRE ภายใต้แนวคิด Be Safe, Be Cool ที่สนับสนุนให้ผู้ขับขี่ดูคาติทุกคน มีทักษะที่ถูกต้อง และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง
DRE เป็นหลักสูตรของประเทศอิตาลีที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวนอกเหนือจากอิตาลี ที่มีการจัด DRE อย่างครบถ้วนทุกหลักสูตร โดยมีทีมครูฝึกของดูคาติไทยแลนด์ที่ผ่านการอบรมจากอิตาลี มาเป็นผู้แนะนำ และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมฝึกอบรม สามารถนำความรู้ทั้งทางทฤษฎี และการปฏิบัติไปใช้ได้จริงในการขี่รถในชีวิตประจำวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้อุบัติเหตุบนท้องถนนลดน้อยลง โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดูคาติ ไทยแลนด์ ได้จัดการอบรม DRE ไปแล้วจำนวน 18 ครั้งทั่วประเทศ ครอบคลุมจำนวนผู้เข้าฝึกอบรม 474 คน หลักสูตรแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ (1) Basic Course (2) Intermediate Course (3) Racing Course และ (4) Master Racing Course |
|
 |
|
มอเตอร์โชว์ 2015 รถใหม่ 2 รุ่น
สำหรับงานมอเตอร์โชว์ 2015 ที่กำลังจะมาถึง ดูคาติ ไทยแลนด์ จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Ducati 1299 Panigale รถที่ถือเป็นที่สุดของเทคโนโลยี Superbike ในขณะนี้ ด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์อันชาญฉลาด ทั้งระบบเบรกสำหรับการเข้าโค้ง, ระบบ Ducati Quick Shift Up/Down ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัทช์, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบช่วยทรงตัว, ระบบช่วยกันการลอยตัวของล้อหน้า มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทรงพลังที่ปฏิวัติวงการยนตรกรรมด้วยขนาดลูกสูบที่ใหญ่ถึง 116 มิลลิเมตร ให้กำลัง 205 แรงม้า
ส่วนรุ่นที่ 2 คือ Ducati Multistrada โฉมใหม่ล่าสุดปี 2015 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ด้วยระบบ DVT (Desmodromic Variable Timing) ที่มีระบบวาล์วแปรผันให้สมรรถนะที่ดีที่สุดในทุกรอบเครื่องยนต์ รวมถึงระบบอิเล็คทรอนิกส์ล้ำสมัยอย่างเช่น ระบบ Ducati Skyhook EVO หรือระบบช่วงล่างหน้า-หลังอัจฉริยะที่ปรับสภาพอัตโนมัติตามสภาพถนน, ระบบไฟหน้าแบบ Cornering Light ทำงานอัตโนมัติเมื่อรถกำลังเข้าโค้ง, Cruise Control และระบบ Bluetooth for Smart Phone เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับแผงหน้าปัด |
|
 |
|
ทุกคนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
ดูคาติมีความเชื่อมั่นว่า ผู้ขับขี่ดูคาติทุกคนสามารถทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมได้ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ รวมถึงชมรมผู้ขับขี่ดูคาติในประเทศไทย จัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมตลอดทั้งปี ซึ่งได้แก่ (1) โครงการ ซับน้ำตาล้างใจ โครงการช่วยเหลือทหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (2) โครงการ Big Bike, Giant Heart อาสาพาเด็กที่มีความพิการทางด้านร่างกาย เที่ยวสวนสัตว์เขาดิน (3) โครงการ น้ำใจให้น้อง โครงการช่วยเหลือส่งเสริมเด็กที่ยากจน หรือโรงเรียนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร และ (4) ศูนย์ดูคาติทองหล่อ นำรายได้ส่วนที่เหลือจากการประมูลรถจักรยานยนต์รุ่นหายาก GT1000 Touring มอบให้แก่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตามพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และล่าสุดได้มีการจัดกิจกรรม Back to Nature เป็นการรวมตัวของกลุ่ม Ducati Hypermotard และ Hyperstrada ออกทริปไปศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ. ชลบุรีนำ เพื่อลูกเต่าจากศูนย์อนุบาลเต่าปล่อยลงสู่ท้องทะเลกลับคืนสู่ธรรมชาติ ช่วยอนุรักษ์พันธุ์เต่าท้องทะเลไทย
นอกจากนี้ ดูคาติ ไทยแลนด์ ยังมีการอบรมพัฒนาบุคลากรทุกส่วน รวมถึงหลักสูตรอบรมช่างดูคาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้บริโภค สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับมาตรฐานความมีประสิทธิภาพ ให้เป็นต้นแบบระดับอาเซียน จนทำให้แบรนด์ดูคาติในประเทศไทย ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ในช่วงปี 2012 - 2014 มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ในกลุ่มรถบิ๊กไบค์ระดับพรีเมียมของประเทศไทย (Premium Motorcycle) โดยคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 45 มียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 7,500 คันทั่วประเทศ โดยในปี 2014 ที่ผ่านมา ดูคาติ ไทยแลนด์ มียอดขายทั่วประเทศ 3,057 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 22
ปัจจุบันดูคาติไทยแลนด์มีการขยายศูนย์ดูคาติ 14 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญทุกภูมิภาคของไทยทั้งหมด 14 แห่ง ได้แก่ ดูคาติทองหล่อ, ดูคาติพระราม 3, ดูคาติสยามพารากอน, ดูคาติราชพฤกษ์, ดูคาติวิภาวดี, ดูคาติภูเก็ต, ดูคาติอุดรธานี, ดูคาติพัทยา, ดูคาติเชียงใหม่, ดูคาตินครราชสีมา, ดูคาติหาดใหญ่, ดูคาติหัวหิน, ดูคาติขอนแก่น และดูคาติบุรีรัมย์ โดยศูนย์ดูคาติวิภาวดีเ ป็นศูนย์ดูคาติในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีความทันสมัย มีการบริการที่ครบวงจร และเป็นศูนย์ดูคาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก |
|
 |
|
Ducati Worry Free Program
ในปี 2015 ดูคาติ ไทยแลนด์ ตั้งเป้าหมายเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องการบริการหลังการขาย โดยจัดโปรมแกรมบำรุงรักษารถโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือที่เรียกว่า Ducati Worry Free Program ซึ่งจะทำให้ลูกค้าดูคาติสามารถใช้รถได้อย่างสบายใจไร้กังวล โดยจะเริ่มต้นที่รถ Ducati Scrambler ซึ่งรถทุกคันจะมาพร้อมกับ Ducati Worry Free Program เป็นระยะเวลา 4 ปีหรือ 30,000 กิโลเมตร ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการดูแลรักษาตามระยะที่กำหนด ซึ่งรวมถึงค่าแรงช่างผู้ชำนาญจากดูคาติ และค่าอะไหล่แท้ของดูคาติ (ยกเว้น ยางและแบตเตอรี่) ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2558 รวมถึงการมอบแคมเปญพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จอง Ducati Scrambler ไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วย |
|
 |
|
DRE ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้าดูคาติ
นอกจากนี้ ในปี 2015 ดูคาติไทยแลนด์จะขยายการอบรมหลักสูตร DRE ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยการร่วมทุนสร้างสนามทดสอบในกรุงเทพฯ บนพื้นที่ย่านมีนบุรีกว่า 9 ไร่ หรือประมาณ 14,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นสถานที่ฝึกสอน DRE หลักสูตร Basic Course และ Intermediate Course ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัย สำหรับผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ และผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทั่วไป กิจกรรมดังกล่าวจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้าดูคาติเท่านั้น แต่สนับสนุนให้บุคคลทั่วไปสมัครเข้าร่วมได้ โดยจะมีรถดูคาติไว้ให้บริการแก่ผู้ที่เข้ารับการอบรมทุกคน • |
|
 |
|
Q&A
คุณอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2015 Ducati แม้จะเน้นเรื่องบริการหลังการขาย แต่ก็ยังมีการลงทุนเรื่อง Stock Warehouse ซึ่งเป็นการจัดเก็บทั้งอุปกรณ์ตกแต่ง และรวมทั้งอุปกรณ์อะไหล่ต่างๆ ซึ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า แม้รถจะเกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถเข้ามาบำรุงรักษา ทาง Ducati จะมีอะไหล่เตรียมพร้อมเอาไว้แน่นอน
สำหรับผู้แทนจำหน่าย สามารถสั่งอะไหล่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเท่ากับว่า Warehouse ก็เสมือนศูนย์ Logistics ของ Ducati ประเทศไทย และทำให้ลูกค้าไม่ต้องรออะไหล่นาน
ถาม : ในปี 2015 ทาง Ducati ตั้งเป้ายอดขายประมาณเท่าไร?
ตอบ : ทางเราได้มีการประชุมและคุยกับทางอิตาลีว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย และเศรษฐกิจโลกค่อนข้างติดลบ ทางเราจึงตั้งเป้าไว้ที่ 5 - 7% ตามที่เราได้กล่าวข้างต้นว่าในปี 2015 เน้นเรื่องบริการหลังการขายเป็นหลัก แต่ตลาดโดยรวมของกลุ่มรถ Bigbike น่าจะเติบโตอยู่ที่ 15 - 20 % ซึ่งจะแบ่งเป็นกลุ่มรถที่มีราคาไม่เกิน 300,000 บาท และมีผู้จำหน่ายหลากหลายยี่ห้อค่อนข้างมาก จึงทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น ทางเราจึงหันให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการกับลูกค้าให้ดีขึ้น
สำหรับเรื่องส่วนแบ่งทางการตลาด Ducati ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของรถระดับ Premium ซึ่งมียอดจดทะเบียน 3,057 คัน ซึ่งถือว่ายังนำคู่แข่งค่อนข้างมาก และคำว่า Premium ของ Ducati ส่วนหนึ่งมาจากราคา 400,000 บาทขึ้นไป
ถาม : งานมอเตอร์โชว์ Ducati 1299 Panigale ราคาเท่าไร?
ตอบ : Ducati 1299 ABS ราคาเริ่มต้น 1,398,000 บาท, รุ่น S ราคา 1,799,000 บาท สำหรับ Ducati Multistrada รุ่น S Touring ราคา 1,490,000 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ แดงและขาว ซึ่งทั้งคู่เป็นรถนำเข้า |
|
 |
|
ถาม : สนามทดสอบและ Warehouse จำนวนเงินลงทุนเท่าไร?
ตอบ : ส่วนของสนามทดสอบเป็นการร่วมทุนกับบริษัทไทยยานยนต์ กรุ๊ป ในพื้นที่ 9 ไร่รวมค่าก่อสร้างประมาณ 70 ล้านบาท ส่วน Warehouse ทางเราจะลงทุนเรื่อง Software มากกว่า ส่วนเรื่องพื้นที่ใช้งานจากเดิมแค่ 200 ตารางเมตร แต่ในปี 2015 ขยายเฟสที่ 2 ให้มีพื้นที่ใช้งาน 1,000 ตารางเมตร โดยมีห้องปลอดฝุ่นเพื่อใช้เก็บอุปกรณ์ต่างๆ
ถาม : ปี 2015 จะมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายหรือไม่ และมีงบประมาณสำหรับปรับปรุงพัฒนาตัวแทนจำหน่ายเท่าไร?
ตอบ : เน้นขยายพื้นที่การให้บริการของสาขามากกว่า จำนวนตัวแทนจำหน่าย 14 แห่งทั่วประเทศ เราเชื่อว่าสามารถรองรับการบริการหลังการขายได้ดี ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศจะไม่มีการขายแบบตัดราคา เนื่องจากส่วนกลางจะเก็บสินค้าและจำหน่ายให้แต่ละตัวแทนจำหน่าย ราคาจะเป็นราคาเดียวกัน ฉะนั้นรถที่ขายได้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของพนักงานขายและแคมเปญมากกว่า
ถาม : ภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทย สถานการณ์ทางการเมือง อัตราแลกเปลี่ยน มีผลต่อแผนการตลาดหรือไม่?
ตอบ : ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว แม้กระทั้งยอดส่งออกก็ยังติดลบเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นก็พยายามดำเนินนโยบายทางธุรกิจค่อนข้างรัดกุม แผนการทางการตลาดใช้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น เช่น งบโฆษณา ประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งงบการตลาดในปี 2015 ประมาณ 50 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 25 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ Ducati Scrambler
ถาม : การแข่งขันทางการตลาดในปี 2015 จะเป็นอย่างไรบ้าง?
ตอบ : ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า ปัจจุบันตลาด Bigbike ถือว่าโตเต็มที่ต่างจาก 3 ปีที่ผ่านมาที่ผู้บริโภคยังตื่นเต้นกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ลองสังเกตจากรถหลายๆ ยี่ห้อ เริ่มมีการทำราคาที่ใกล้เคียงกัน มีโปรโมชั่น และกิจกรรมมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าสื่อมวลชนหรือผู้บริโภคหลายๆ ท่านที่สามารถขี่มอเตอไซค์ได้จะถูกเรียนเชิญให้ไปร่วมกิจกรรม
การแข่งขันนอกจากเรื่องของตัวสินค้า ราคา และโปรโมชั่น ก็ใกล้เคียงกับรถยนต์ และการแข่งขันในเรื่องการให้ประสบการณ์ต่อลูกค้า ซึ่งแต่ละค่ายจะมีการแข่งขันว่าถ้าคุณมากับเราประสบการณ์ที่จะได้จะเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เช่น Ducati เวลาออกทริป จะเน้นเรื่องความปลอดภัย มีการสวมใส่อุปกรณ์อย่างครบถ้วน และภายในกิจกรรมมีนโยบายไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ฉะนั้นลูกค้าที่ซื้อ Ducati ออกทริปจะพาครอบครัวไปได้อย่างปลอดภัย และสนุกสนาน โดยทางเรามีกิจกรรมเพื่อสังคมค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้แต่ละค่ายต้องหาจุดยืนเป็นของตนเอง
ถาม : Ducati Worry Free Program คิดเป็นราคาต่อคัน ต้องใช้งบใช้จ่ายทางการตลาดประมาณเท่าไร?
ตอบ : ตลอดระยะเวลา 4 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร จะเข้าใช้บริการทั้งหมด 6 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท รวมค่าแรงและอะไหล่ • |
|
|
|
|