July 8, 2016
Motortrivia Team (10191 articles)

MG GS และคุณสมบัติของเครื่องยนต์พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จ


Press Release

 

   ปัจจุบันแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ให้มีเครื่องยนต์ที่เล็กลง พร้อมด้วยปริมาตรกระบอกสูบที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม แต่กลับสามารถเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้มีพละกำลังและแรงบิดที่เพิ่มสูงขึ้น จนเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า Engine Downsizing ซึ่งในขณะนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย

   ขณะเดียวกัน ในตลาดยุโรปและอเมริกา เครื่องดาวน์ไซส์ซิ่งเป็นที่นิยมมานานแล้ว เนื่องด้วยการเผชิญกับสภาวะต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และความพยายามที่ต้องการลดมลภาวะทางอากาศ โดยตลาดรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ค่ายยุโรปหลายค่ายต่างเปิดตัวรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีลักษณะดังกล่าวเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าชาวไทยได้รู้จักและทดลองใช้ แต่ด้วยความใหม่ของเทคโนโลยี จึงส่งผลให้ราคาจำหน่ายมีราคาที่สูงมาก

   MG ซึ่งเป็นแบรนด์จากประเทศอังกฤษ ก็มีนโยบายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพื่อให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วยราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและประหยัดกว่า ปัจจุบัน MG ได้ทำการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีระบบการอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘เทอร์โบ’ เข้ามาติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน เพื่อการจำหน่ายในทุกตลาดทั่วโลก

   เทอร์โบประกอบด้วยชุด เทอร์ไบน์ (Turbine) และ คอมเพรสเซอร์ (Compressor) มีลักษณะคล้ายกังหันทั้ง 2 ข้างติดตั้งอยู่บนแกนเดียวกัน และหมุนพร้อมกันตลอด โดยชุดกังหันเทอร์ไบน์จะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงดันไอเสียจากห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์แบบไม่มีเทอร์โบ แก๊สไอเสียจะถูกปล่อยออกทางท่อไอเสียโดยตรง

   ขณะเดียวกัน การอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์แบบที่มีเทอร์โบ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่ไม่มีเทอร์โบ ดังนั้นเครื่องยนต์เทอร์โบจึงมีประสิทธิภาพในการนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ดีกว่า และมีแรงอัดต่อเนื่องมากกว่า การเพิ่มส่วนผสมระหว่างอากาศ-เชื้อเพลิงที่มากขึ้นในห้องเผาไหม้ ทำให้มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ดีกว่า และนำมาซึ่งพละกำลังที่สูงขึ้น

   บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แนะนำรถยนต์ที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีเทอร์โบ พร้อมด้วยเครื่องยนต์แบบ Flex Fuel สามารถรองรับน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่น้ำมันเบนซินธรรมดา, แก๊สโซฮอล์ E10, E20 และ E85 จากโรงงานผลิตที่จังหวัดระยองของ MG จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย MG5, MG6 และ MG GS โดย MG ได้สรุปประโยชน์ของการใช้เทอร์โบ 5 ข้อ ได้แก่ :

1. สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น

   นอกจากการเลือกใช้เครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละรุ่นแล้ว การติดตั้งเทอร์โบและการปรับบูสต์เทอร์โบ ยังเปิดโอกาสให้ทีมวิศวกรสามารถปรับแต่งสมรรถนะของรถให้เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ช่วยให้การใช้งานในเมืองมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราเร่งแซง และยังประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังสามารถปรับแต่งรถให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น และมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นสำหรับการขับนอกเมืองได้อีกด้วย โดย MG แต่ละรุ่นมีการออกแบบและปรับจูนเครื่องยนต์ และการทำงานของเทอร์โบให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานตามประเภทของรถแต่ละรุ่น ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

2. เพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์

   เทอร์โบมีหน้าที่เพิ่มไอดีเข้าสู่เครื่องยนต์ได้มากขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ และเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ได้โดยไม่ต้องขยายความจุกระบอกสูบ โดยเครื่องยนต์ที่ได้รับการติดตั้งเทอร์โบ และมีการปรับแต่งอย่างถูกต้องเหมาะสม จะช่วยเพิ่มพละกำลังที่มากกว่า เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แต่ไม่มีเทอร์โบ เช่น MG GS ที่สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8.2 วินาที ด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า

3. ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

   เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามารถใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มาพร้อมเทอร์โบ แทนที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่ยังคงสร้างพละกำลังและแรงบิดได้มากตามเป้าหมาย มีอัตราการเร่งที่ดีในยามที่ต้องการเร่งแซง ขณะเดียวกัน การใช้งานในชีวิตประจำวันท่ามกลางเมืองใหญ่ที่มีสภาพจราจรติดขัด ต้องใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำตลอดเวลา และยังไม่ถึงรอบเครื่องยนต์ที่เทอร์โบต้องทำงาน เครื่องยนต์จึงมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งเทียบเท่า หรือ ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบปกติ ทั้งนี้ จากการทดสอบอย่างเข้มข้นในอุโมงค์ลมนานกว่า 200 ชั่วโมง ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่างานออกแบบภายนอกของ MG GS ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ แต่ยังคงความโดดเด่น และยังสามารถรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบ

4. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

   นอกจากเทอร์โบจะช่วยเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นแล้ว เทอร์โบยังช่วยลดมลพิษด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระบวนการเผาไหม้ให้มีความสมบูรณ์และสะอาดมากยิ่งขึ้น ด้วยไอเสียที่มีความสะอาดมากขึ้นนี้ หมายถึงปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ลดลง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

5. ขับสนุกมากขึ้น และมีความทนทานสูง

   ในอดีตที่ผ่านมา เทอร์โบมักถูกติดตั้งในรถสปอร์ต หรือรถที่มีสมรรถนะสูงเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันมีการติดตั้งเทอร์โบในรถยนต์นั่งทั่วไปมากขึ้น ซึ่งเทอร์โบจะช่วยเพิ่มแรงบิด เพิ่มอัตราเร่งที่สูงขึ้น จึงส่งผลให้รถยนต์ที่ติดตั้งเทอร์โบมีการขับที่สนุก และเร้าใจเพิ่มมากขึ้น

   MG GS สปอร์ต SUV รุ่นแรกของ MG มีการทดสอบเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยการขับต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวนานถึง 1,000,000 กิโลเมตร รวมทั้งการทดสอบความทนทานในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างในหลายประเทศ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมีความมั่นใจ เชื่อมั่นในคุณภาพ และความทนทานของ MG GS

 

   ปัจจุบัน MG GS มีให้เลือก 2 รุ่น คือ MG GS 2.0T D 2WD ราคา 1,210,000 บาท และ MG GS 2.0T X AWD ราคา 1,310,000 บาท ผู้ที่สามารถเยี่ยมชม พร้อมทดลองขับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ MG ได้ที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถติดต่อได้ที่ MG Call Centre โทร. 1-800-999-988 (สำหรับโทรศัพท์บ้านพื้นฐาน) และ 1-401-999-988 (สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่) หรือ www.mgcars.com  


2016 MG GS