February 10, 2018
Motortrivia Team (10167 articles)

Ford เผยระบบ LKS และ CTA ช่วยผู้ขับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ให้ปลอดภัยขึ้น


Press Release

 

●   รถจักรยานยนต์เป็นเจ้าครองถนนในหลาย ๆ เมืองทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด ราคาไม่แพง และใช้งานคล่องตัวในเมืองที่มักมีการจราจรติดขัด รถจักรยานยนต์หรือ “มอเตอร์ไซค์” จึงเป็นพาหนะหลักสำหรับการสัญจรของผู้คนและการขนส่งสิ่งของ ไม่ว่าจะใช้เป็นพาหนะส่วนตัว เป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บริการส่งเอกสาร ส่งอาหาร หรือพัสดุ รถจักรยานยนต์จึงมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและการสัญจรในภูมิภาค

●   แม้มอเตอร์ไซค์จะเปิดโอกาสบนท้องถนนสำหรับทุกคน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปทั่วทั้งภูมิภาคเช่นเดียวกัน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก อุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้มีผู้ชีวิตมากกว่า 300,000 คนต่อปีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ของยอดผู้เสียชีวิตบนท้องถนนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเป็นผู้ใช้ถนนที่มีความเสี่ยง เช่น คนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน และผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์

●   มีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าว เช่น การจราจรติดขัด การขาดความรู้ด้านความปลอดภัย และสภาพถนนที่ไม่ดีนัก แต่อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากการขับขี่โดยความประมาท และไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ในหลายๆ เมือง ซึ่งการจราจรสามารถติดขัดจนถึงกับหยุดนิ่ง ภาพที่เห็นจนชินตาคือคนขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าสำหรับคนเดิน หรือไม่ก็การขับรถย้อนศรบนถนนเดินรถทางเดียว  และยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่แปลกที่จะเห็นคนขี่รถซ้อนสามหรือซ้อนสี่บนมอเตอร์ไซค์คันเดียว

●   บริษัทผู้ผลิตรถยนต์บางรายได้พัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยในรถยนต์ใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้การใช้รถใช้ถนนปลอดภัยสำหรับทุกคนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ฟอร์ด ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีไฟสปอตไลท์ที่ใช้กล้องอินฟาเรดตรวจจับคนเดินเท้า ผู้ใช้จักรยาน และสัตว์ โดยเทคโนโลยีไฟหน้าติดกล้องของฟอร์ดสามารถช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดีเมื่อต้องขับรถไปยังบริเวณที่ไม่คุ้นเคยในเวลากลางคืน  เช่น บริเวณรอบวงเวียน ไฟหน้าติดกล้องจะช่วยให้สังเกตเห็นทางออกง่ายขึ้นและเห็นอันตรายที่ไม่คาดคิดอย่างเช่น คนขี่จักรยานหรือคนเดินเท้าที่อาจตัดหน้ารถได้

●   “เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้สามารถช่วยผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงภัยอันตรายบนท้องถนน แต่อย่างไร ผู้ขับขี่ก็ควรจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่มีเทคโนโลยีใดที่สามารถแทนที่การขับรถอย่างมีสมาธิได้” สก็อต ลี (Scott Lee) วิศวกรด้านระบบความปลอดภัยจากฟอร์ดกล่าว

●   ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม รถจักรยานยนต์ก็มีบทบาทสำคัญในระบบการจราจรในหลายประเทศ และมีแต่จะเพิ่มความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับประเทศไทย มีจำนวนมอเตอร์ไซค์เกินกว่าครึ่งหนึ่งของพาหนะที่จดทะเบียน โดยไม่รวมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอีกหลายล้านคันด้วย

●   มอเตอร์ไซค์คงไม่หายไปจากท้องถนนในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะที่นิสัยการขับรถยนต์ที่ไม่ดีก็คงไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย เทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ๆ จึงเป็นความหวังของผู้ขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ที่จะใช้ถนนร่วมกันได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา
●   ฟอร์ดคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนจึงติดตั้งระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง หรือ LKS : Lane Keeping System ใน Ford Everest และ Ford Ranger Wildtrak ระบบดังกล่าวใช้กล้องที่ติดตั้งไว้ด้านหลังของกระจกมองหลัง เพื่อคอยตรวจจับเส้นแบ่งเลนถนนและการไถลออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ หากกล้องตรวจจับได้ว่ารถกำลังเคลื่อนตัวออกนอกเลนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำการเตือนผู้ขับขี่ ด้วยสัญลักษณ์บนแผงหน้าปัด พร้อมการสั่นบนพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่รักษาตำแหน่งรถยนต์ให้อยู่ในเลน ทั้งยังระวังผู้ใช้จักรยาน หรือพาหนะอื่น ๆ ที่อยู่ในเลนอื่น

●   ขณะเดียวกัน Ford Everest ยังมีระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด หรือ CTA : Cross Traffic Alert ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยจอดอื่น ๆ เช่น กล้องมองหลัง หรือกล้อง 360 องศา ระบบ CTA ใช้เซนเซอร์สองตัวเพื่อจับภาพด้านหลัง และด้านใดด้านหนึ่งของรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง โดยระบบดังกล่าวใช้เสียง และสัญลักษณ์บนแผงหน้าปัด เพื่อเตือนผู้ขับขี่หากตรวจพบคน รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์

●   สำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน Ford Everest และ Ford Ranger Wildtrak มีระบบไฟสูงอัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับไฟหน้า LED อัตโนมัติ ระบบนี้ใช้ในการตรวจจับไฟหน้าหรือไฟท้ายของพาหนะ และจักรยานยนต์ ที่อยู่ด้านหน้า โดยไฟบางส่วนจะหรี่ลงเพื่อไม่ให้แยงตาผู้ขับขี่รายอื่น ขณะที่ช่วยให้ผู้ขับรถยังคงมองเห็นท้องถนนได้อย่างชัดเจน

ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ป้องกันอันตรายได้มากขึ้น
●   พีรวุฒิ กาญจน์พฤกษา ทำงานให้กับบริการจัดส่งเอกสารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเขาต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนน 8 – 10 ชั่วโมงทุกวัน ขับขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาตระเวนไปรอบเมือง

●   “การขี่รถมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ บางครั้งก็ทำให้เครียดได้ เวลาที่รถทุกคันขับผ่าน หรือเลี้ยวกระทันหันตัดหน้ารถของผม” พีรวุฒิ กล่าว โดยเขาก็เป็นเหมือนผู้ขับขี่จักรยานยนต์อีกหลายๆ คนในประเทศไทยที่ไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อค “ผมรู้ว่าควรสวมหมวกกันน็อค แต่บอกตามตรงว่า ผมไม่อยากใส่เลยจริงๆ”

●   ขณะที่ นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เตือนว่า “อุบัติเหตุบนท้องถนนกลายเป็นสาเหตุหลักของอาการบาดเจ็บร้ายแรงทางสมองในประเทศไทย การสวมหมวกกันน็อคสามารถลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมอยากให้ผู้ขับขี่จักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อค และงดเว้นการใส่หูฟัง หรือสิ่งรบกวนสมาธิอื่นๆ ขณะขับขี่ เพื่อคอยระมัดระวังรถที่ตามมาด้านหลัง”

กฎหมายเพิ่มเติมของหน่วยงานกำกับการจราจร
●   หลายประเทศในภูมิภาคมีความพยายามที่จะลดแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น กฎหมายบังคับสวมหมวกกันน็อค อย่างไรก็ตาม บางประเทศเสนอกฎข้อห้าม ซึงประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารุนแรงเกินไป และอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้คน

●   ในประเทศไทย มีข้อห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งถูกต่อต้านอย่างมาก เนื่องจากหลายครอบครัว มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะในการเดินทางเพียงอย่างเดียว กฎหมายนี้จะทำให้พวกเขาไม่สามารถขับรถพาลูกไปส่งที่โรงเรียนได้เลย

●   ข้อห้ามเช่นนี้อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ได้มากกว่าที่จะแก้ปัญหา แม้ว่าอาจต้องใช้ความพยายามของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผ่านการให้ความรู้แก่ผู้ขับขี่ การพัฒนาถนนหนทางให้ดีขึ้น และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ท้องถนนเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ร่วมกันทุกคน

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.ford.co.th   ●