December 15, 2017
Motortrivia Team (10069 articles)

Toyota รัฐฯ และ DOWA Group ศึกษาความเหมาะสมในการจัดการของเสียจากซากรถยนต์


ภาพ : จันทนา เจริญทวี

 

●   พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ผู้แทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหรรมแห่งประเทศไทย นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  มร. คิโยโยชิ โอบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด มร. โยชิเอกิ สุกะวาระ ประธานบริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ในฐานะผู้แทนของ โดวะ กรุ๊ป และตัวแทนจากหน่วยงานราชการภาคส่วนต่างๆ ร่วมเปิด โครงการศึกษาความเหมาะสมในการจัดการของเสียจากซากรถยนต์อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (End of Life Vehicle Green Recycling Project in Thailand) ณ ห้องบอลรูม A โรงแรม แมริออท กรุงเทพ สุขุมวิท 57 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา

●   จากสถานการณ์ทางสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน โตโยต้ามีแนวคิดว่า อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน จึงเริ่มโครงการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเพิ่มผลกระทบเชิงบวก เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในปี พ.ศ. 2593 (ปี 2050) ภายใต้ชื่อ “พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593” แบ่งเป็น 6 เป้าหมายหลัก หนึ่งในนั้นคือการรีไซเคิล ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยืดอายุการใช้งานอะไหล่ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการรีไซเคิล รวมถึงการนำชิ้นส่วนของรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล และกำจัดของเสียหรือวัตถุอันตรายจากซากรถยนต์อย่างเหมาะสม


นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด


●   โตโยต้าระบุว่า ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่ริเริ่มการจัดการซากรถยนต์จากการดำเนินงานบริษัทรีไซเคิลซากรถยนต์ “โตโยต้า เมทัล” ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 (ปี 1970) โตโยต้าได้ขยายความสำเร็จผ่านการเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ทั้งในด้านระบบและเทคโนโลยีในการรีไซเคิลรถยนต์ของโตโยต้า และบริษัทในเครือ ผ่านโครงการ “Toyota Global 100 Dismantlers” ที่มีเป้าหมายในการจัดตั้งสถานที่คัดแยกและรีไซเคิลซากรถยนต์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวน 100 แห่งทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593 หรือในอีก 33 ปีข้างหน้า

●   โตโยต้าได้กำหนดให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบแห่งแรกในอาเซียน เนื่องจากมีรถจดทะเบียนสะสมจำนวนมาก และยังไม่มีระบบที่เหมาะสมในการจัดการของเสียจากซากรถยนต์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยสารทำความเย็นในรถยนต์ อันได้แก่ สารคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (CFCs) ที่ทำให้โอโซนในชั้นบรรยากาศลดลง และสารไฮโดรฟลูโอโรคาร์บอน (HFCs) หนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 124 – 14,800 เท่า (อ้างอิงจาก IPCC Forth Assessment Report – Climate Change 2007)

●   แผนงานป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการกำจัดซากรถยนต์นี้ เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนภาคเอกชนก็คือ บริษัทโตโยต้า และบริษัทในเครือ รวมถึง บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ในฐานะผู้แทนของ โดวะ กรุ๊ป ในการดำเนินการ โดยมีจุดประสงค์คือ ส่งเสริมให้ประเทศไทยเกิดระบบคัดแยกและรีไซเคิลชิ้นส่วนต่างๆ ของซากรถยนต์อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงกำจัดของเสียและวัตถุอันตรายจากซากรถยนต์อย่างถูกต้อง

●   ตัวโครงการฯ เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ.2560 จากการจัดตั้งทีมงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อศึกษารูปแบบในการจัดการของเสียจากซากรถยนต์ที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยได้นำต้นแบบการจัดการของประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ โครงการทดลองในปีแรกเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา โดยใช้เทคโนโลยีและสถานที่ของ บริษัท กรีน เมทัลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (ภายใต้บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด) ในการคัดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ พร้อมนำสาร CFCs HFCs และของเสียที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น น้ำมันเครื่อง สารหล่อเย็น น้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนวัตถุอันตราย เช่น ถุงลมนิรภัย ออกจากตัวรถ ก่อนที่จะส่งต่อไปทำลาย หรือรีไซเคิลในรูปแบบที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีและสถานที่ ของ บริษัท บางปู เอนไวรอนเมนทอลคอมเพล็กซ์ จำกัด และ บริษัท อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอนไวรอนเมนทอลคอมเพล็กซ์ จำกัด (ภายใต้โดวะ กรุ๊ป)

●   นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การเปิดโครงการในวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโตโยต้า ที่ได้ร่วมมือกับภาครัฐบาล และพันธมิตรทางธุรกิจ ในการเริ่มต้นจัดการของเสียจากซากรถยนต์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีแรกเราจะมุ่งเน้นไปที่ การเผยแพร่ความสำคัญของการจัดการของเสียจากซากรถยนต์ที่ถูกต้องแก่สังคมไทย รวมถึงการสร้างเครือข่าย ผ่านการประยุกต์ใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ที่โตโยต้าและพันธมิตรของเราได้สั่งสมมาจากการดำเนินงาน และในอนาคตเราคาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะ กระตุ้นให้เกิดการดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอย่างเป็นรูปธรรมและยังเป็นการจุดประกายให้เกิดความยั่งยืนของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมการรีไซเคิลในประเทศไทยอีกด้วย อันจะเป็นการขับเคลื่อนความสุขสู่ประเทศไทยอย่างแท้จริง”   ●

มร. ทัตสึโร่ ทาคามิ

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียร์ริ่ง แอนด์ เมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

●   “จากความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ในปี พ.ศ. 2558 โตโยต้าจึงได้ประกาศพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593 เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเพิ่มผลกระทบเชิงบวก ซึ่งประกอบไปด้วยความท้าทาย 6 ประการ โดยหนึ่งในความ
ท้าทายดังกล่าวนั้นคือการเสริมสร้างสังคมและระบบที่เน้นการรีไซเคิล”

●   “โตโยต้ามุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจยานยนต์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

●   “กลุ่มบริษัทโตโยต้าและบริษัทในเครือได้จึงร่วมมือในการริเริ่มโครงการ Toyota Global 100 Dismantlers ที่มุ่งเน้นในการพัฒนากระบวนการรวบรวมและคัดแยกชิ้นส่วนจากซากรถยนต์จากทั่วโลก อย่างเหมาะสม โดยเราได้เริ่มต้นโครงการดังกล่าวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และได้เลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรกในการศึกษาพัฒนาโครงการ ซึ่งในอนาคตเรามีความมุ่งมั่นที่จะขยายโครงการออกสู่ทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมการรีไซเคิลของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคอย่างยั่งยืน”

มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

●   “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกที่สำคัญของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้นำกลุ่มธุรกิจยานยนต์ของประเทศ มีความซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งต่อลูกค้าทุกท่านที่มอบความไว้วางใจ และเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสู่ความสำเร็จของโตโยต้าในประเทศไทย”

●   “จากพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593 โตโยต้าตระหนักดีว่าการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่นั้นเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาสร้างสรรค์สังคมและระบบที่เน้นการรีไซเคิลให้เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้”

●   “กลุ่มบริษัทโตโยต้า และโดวะ กรุ๊ป มีประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการรีไซเคิลรถยนต์มากว่า 40 ปี เราจึงได้ร่วมมือกันในการศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างให้เกิดระบบการจัดการของเสียจากซากรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในประเทศไทย อันจะเป็นการขับเคลื่อนความสำเร็จสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.toyota.co.th   ●