November 13, 2017
Motortrivia Team (10076 articles)

Volkswagen เตรียมเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดใหญ่

Posted by : Man from the Past

●   การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ยังคงขยายแนวทางไปเรื่อยๆ ดูจากการที่ Volkswagen Truck & Bus บริษัทผลิตรถบรรทุกและรถโดยสารในเครือโฟล์กสวาเกนได้ประกาศจะพัฒนาและผลิตรถบรรทุกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยจะเป็นรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ (medium-duty และ heavy-duty) เพื่อใช้สำหรับการขนส่งสินค้าในและนอกเมือง หรือที่เรียกว่า การกระจายสินค้า และเพื่อใช้บรรทุกผู้โดยสาร ซึ่งด้านหนึ่งก็คือการเป็นรถประจำทางนั่นเอง

●   ผู้ที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการเมือง และบริษัทห้างร้านน่าจะยินดีกับข่าวนี้ การที่รถทั้ง 2 ประเภทจะถูกปรับเปลี่ยนให้ใช้พลังงานไฟฟ้า หมายถึงต่อไปเมืองต่างๆ จะสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดาบริษัทห้างร้านที่บ่นกันนานนมว่า การใช้รถเชื้อเพลิงเบนซิน/ดีเซลส่งสินค้านั้นสร้างปัญหาหลายเรื่อง คือนอกจากจะส่งกลิ่นและเสียง บางครั้งยังไปรบกวนการทำธุระของผู้ที่มาติดต่อจับจ่ายใช้สอยด้วย

●   ทั้งนี้ Volkswagen Truck & Bus ได้พัฒนารถบรรทุกกระจายสินค้าร่วมกับ MAN Truck & Bus บริษัทในเครือ MAN SE ยักษ์ใหญ่รถบรรทุกแห่งเยอรมนี ซึ่งประกาศว่าพร้อมแล้วที่จะผลิตรถดังกล่าว โดยในเบื้องต้นจะเริ่มที่การผลิตล๊อตแรก 9 คันสำหรับส่งมอบให้ผู้สั่งซื้อในออสเตรียก่อนสิ้นปี 2017 นี้ ซึ่งผู้ที่สั่งซื้อที่มีทั้งเครือข่ายร้านซูเปอร์มาร์เก็ต โรงงานผลิตเบียร์ และบริษัทรับขนส่งสิ่งของ ส่วนการจำหน่ายอย่างจริงจังจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2018 เป็นต้นไป

●   นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังมีแผนที่จะทำงานร่วมกับ Navistar หุ้นส่วนของโฟล์กสวาเกนในสหรัฐอเมริกา ในการนำรถไปเปิดตลาดที่นั่นในอีก 2 ปี และนอกจากการพัฒนารถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ โฟล์กสวาเกนและแมน (หรือ เอ็ม เอ เอ็น) ยังร่วมกันพัฒนารถบรรทุกไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ชื่อ Volkswagen e-Delivery (ภาพประกอบด้านบน) โดยมีการเปิดตัวในงานระดับโลก 2017 Truck & Bus Innovation Day ที่เมืองฮัมบูร์กด้วย ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 107 แรงม้า (HP) ขับเคลื่อนแบบ 4×2 วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แบตเตอรี่เป็นแบบ LiFePO4 (ลิเธียม ไอออน ฟอสเฟต) รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 4.5 – 6.7 ตัน

●   โฟล์กสวาเกนและแมนต้องการจะเปิดตลาดนี้ในประเทศโลกที่ 3 โดยเฉพาะที่ในโซนที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็ว ทั้งคู่คาดว่าประเทศเหล่านี้กำลังต้องการรถบรรทุกที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ไม่ใช่แบบที่ใช้กันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่ยังไม่ดีนัก ระบบโลจิสติกส์ยังไม่สมบูรณ์ และที่สำคัญเมืองในประเทศเหล่านี้มีการจราจรแออัดสุดขีด ดังนั้นการเปิดตัวรถอย่าง Volkswagen e-Delivery ลงสู่ตลาด น่าจะเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

●   การผลิตรถบรรทุกรุ่นนี้จะมีขึ้นที่โรงงานผลิตรถโฟล์กสวาเกนในบราซิลช่วงปี 2020

●   คุยกันถึงรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าแล้ว คงต้องเขียนถึงรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าด้วย ในอนาคตแมนและ Scania ยักษ์ใหญ่รถพาณิชย์แห่งสวีเดน จะร่วมกันทดสอบรถดังกล่าวตามเมืองต่างๆ ในยุโรป โดยรถทดสอบจะเป็นจะมีการทดลองวิ่งในทุกสภาพถนน และทุกสภาพการจราจรเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วน รวมทั้งเตรียมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับตัวรถและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบและมีส่วนได้ส่วนเสียได้เตรียมการเอาไว้เพื่อรองรับ อาทิเช่น  สถานีเติมประจุไฟฟ้าที่มีขนาดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับรถไฟฟ้าขนาดใหญ่

●   ด้านแผนงานในการเติมประจุไฟฟ้า จะเป็นช่วงกลางคืนที่สถานีจอด หรือช่วงกลางวันตรงจุดจอดเฉพาะ เพราะการจะให้รถขนาดใหญ่เติมประจุไฟฟ้าพร้อมกันในเวลากลางคืนจะกลายเป็นการแย่งใช้ไฟฟ้ากับบ้านเรือนและถนนสาธารณะ

e-road หรือ e-highway

●   อย่างไรก็ดี การพัฒนารถบรรทุกและรถโดยสารพลังงานไฟฟ้านั้น ในช่วงนี้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากไปกว่านี้ เนื่องจากสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือการพัฒนาถนนที่เรียกว่า “e-road” หรือถนนไฟฟ้าแบบในและนอกเมืองเป็นช่วงๆ โดยถนนแบบนี้จะมีสายไฟขึงบนอากาศ สำหรับจ่ายไฟให้ให้อุปกรณ์รับกระแสไฟที่ติดตั้งบนตัวรถ และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่สำรองได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ตัวรถมีกระแสไฟฟ้าสำรองมากพอในขณะที่วิ่งพ้นช่วงถนนไปแล้ว และสามารถเดินทางต่อไปได้อย่างเต็มระยะรางที่วางแผนเอาไว้ โดยที่ไม่ต้องหยุดจอดรถเป็นระยะๆ เพื่อเติมประจุไฟ

●   ขณะนี้มีการเปิดทดลองใช้ถนนไฟฟ้าลักษณะนี้แล้วที่สวีเดนในชื่อ “e-highway” เป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตร เพื่อให้ Scania ทดสอบและเก็บข้อมูลรถบรรทุกไฟฟ้าของตน ส่วนที่เยอรมนีก็มีการประกาศว่าจะสร้างถนนไฟฟ้าเร็วๆ นี้เช่นกัน

●   ดูเหมือนว่า Volkswagen Truck & Bus จะทะเยอทะยานมากในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านรถบรรทุกและรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า ทั้งยังเคยประกาศหลายต่อหลายครั้งว่า ต้องการจะเป็นผู้นำอันดับหนึ่งให้ได้ในอนาคต ซี่งการจะเป็นผู้นำในตลาดส่วนนี้นั้น ทางบริษัทจะต้องจัดการให้รถทั้ง 2 ประเภทมีการเปลี่ยนผ่านที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะการมีระบบช่วยขับและระบบบริหารจัดการพลังงานที่ยืดหยุ่น ไม่ตายตัว เพราะยังจะต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมาก และที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาระบบให้มีความยืดหยุ่นจนสามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาขั้นต่อๆ ไป ซึ่งจะทำให้ในที่สุด ตัวรถกลายเป็นรถไร้คนขับนั่นเอง

●   ตัวรถที่เชื่อมโยงกับบริการแบบดิจิทัล… รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นั่นคือรถในอนาคตที่สมควรมีขึ้น วิธีคิดของโฟล์คคือการพัฒนารถให้รองรับกับทุกความต้องการ สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมช่วงเวลา เช่น ใช้รถขนาดเล็กในขณะที่การจราจรแออัดมาก ใช้รถขนาดกลางตอนแออัดน้อยหน่อย และใช้รถขนาดใหญ่ตอนสภาพการจราจรคล่องตัว

●   ถ้าเป็นได้ก็อยากให้ไทยเราเร่งพัฒนารถไฟฟ้าเองเช่นกัน ตอนนี้คงต้องหวังพึ่ง “อีตุ๊กตุุ๊ก” กันไปก่อน หรือจะลองเล่นใหญ่ใจกล้าพัฒนาเป็นรถบรรทุกขนาดเล็ก หรือรถโดยสารไปด้วยในตัว… ใครจะไปรู้ นี่เป็นอีกหนึ่งโอกาสทองของรถ “อีตุ๊กตุ๊ก” ก็เป็นได้   ●

2020 Volkswagen e-Delivery