November 23, 2017
Motortrivia Team (10018 articles)

All-New 2017 MG ZS X ฟังก์ชั่นล้ำสมัย ใช้งานได้จริง


เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

 

●   บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มความคึกคักให้ตลาดรถเอนกประสงค์ขนาดเล็กในกลุ่ม B-SUV ด้วยการเปิดตัวรถใหม่รุ่น ZS (ออกเสียงตามแบบอังกฤษว่า แซดเอส) เน้นความเป็น Smart SUV ตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคอินเตอร์เนต เน้นจุดเด่นที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย และการสื่อสารกับรถผ่านสมาร์ทโฟน ภายในกว้างขวางเอนกประสงค์ และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

●   เว้นช่วงจากการเปิดตัวแค่ 1 สัปดาห์ ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย ก็มีโอกาสได้ทดลองขับ MG ZS X ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด บนเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทางรวมไปกลับประมาณ 400 กิโลเมตร กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนและร่วมเดินทางไปด้วย


คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด


Smart SUV มีดีที่ระบบการสั่งงาน

●   MG ZS เป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ใช้งานง่ายด้วยการพูดคำว่า ฮัลโหล เอ็มจี ระบบจะเปิดการสั่งงานด้วยเสียงเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที สามารถสั่งงานได้หลายระบบทั้งการเปิด-ปิดซันรูฟ เปิดระบบปรับอากาศและปรับพัดลมแอร์ เปิดกระจกฝั่งผู้ขับ สั่งงานระบบเครื่องเสียง เช่น การเล่นเพลงจาก USB หรือ Bluetooth สั่งงานระบบโทรศัพท์ รวมทั้งการหาจุด POI ของระบบนำทางผ่านดาวเทียม เท่าที่ลองใช้ดูก็ใช้งานได้จริง การใช้งานครั้งแรกๆ การตอบสนองอาจจะช้าไปบ้าง แต่เมื่อระบบจำเสียงได้แล้วก็จะใช้งานได้รวดเร็วขึ้น

●   อีกหนึ่งไฮไลต์ของรถรุ่นนี้ คือ การดูสถานะและสั่งงานระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านแอพพลิเคชั่น MG iSMART บนโทรศัพท์มือถือ รองรับทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการ ทั้งการดูปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ กับระยะทางที่ขับได้ การจำกัดพื้นที่ใช้งานรถ การค้นหารถ และตรวจสอบสถานะระบบต่างๆ เช่น แอร์แบ็ก, พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า, ระบบเบรก, แบตเตอรี่ และระบบส่งกำลัง


●   รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมของ MG ZS ดูร่วมสมัยมากขึ้น เน้นเหลี่ยมสันและความเฉียบคมของเส้นสาย ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์พร้อม DRL กระจังหน้าดูหรูหรา ด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบ LED TUBE และมีลูกเล่นตรงที่เปิดฝาท้ายซ่อนอยู่กับโลโก้ ล้อแม็กลาย 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R17 มิติตัวถังมีความยาว 4,314 มิลลิเมตร กว้าง 1,809 มิลลิเมตร สูง 1,624 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,585 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 165 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 1,258 กิโลกรัม

●   ภายในทำได้ดีขึ้นทั้งการออกแบบและวัสดุที่ใช้ ทำให้ภาพรวมของห้องโดยสารดูดี รุ่นที่ขับตกแต่งแบบทูโทน ด้านบนของคอนโซลบุด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ช่องแอร์ทรงกลมได้รับแรงบันดาลใจจาก Jet Turbine พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นขอบล่างปาดตรง ปรับระดับสูง-ต่ำได้ แต่ปรับใกล้-ไกลไม่ได้ มาพร้อมระบบปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 ระดับ Comfort, Normal และ Sport และแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว อีกจุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ พาโนรามิคซันรูฟ ขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของหลังคา ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เปิด-ปิดได้ 9 ระดับ

●   คอนโซลกลางติดตั้งจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เท่าที่ลองใช้ดูพบว่าตอบสนองการสั่งงานได้ดี ไม่หน่วง ตัวจอใช้แสดงผลกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะแบบแปรผันตามพวงมาลัย และแสดงผลระบบนำทางผ่านดาวเทียม ที่ทำงานได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และแสดงการจราจรแบบ Real Time เบาะหลังแยกพับ 60:40 พื้นห้องเก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ หรือประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีความสูง

●   ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ปรับมาแบบ Euro Tune และระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ในรุ่นสูงสุดให้ระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด 9 รายการ เช่น แอร์แบ็ก 6 ใบ ระบบเตือนเมื่อแรงดันลมยางต่ำกว่า 2.1 บาร์ โดยจะมีสัญญาณไฟเตือนบนชุดมาตรวัด

●   เครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซี บล็อกหลักเดียวกับ MG3 และ MG5 ปรับปรุงจังหวะการจุดระเบิดเป็นแบบ Atkinson Cycle เน้นการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า ปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อลดความฝืดและลดน้ำหนัก พร้อมปรับโปรแกรมของ ECU เพื่อให้รับกับฮาร์ดแวร์ที่เปลี่ยนไป ขยับสมรรถนะจากเดิม 106 เป็น 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดเพิ่มจาก 13.75 เป็น 15.28 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบต่อนาที รอบรับแก๊สโซฮอล์ E85

●   ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อมโหมด S +/- ดูจะย้อนยุคไปนิด อัตราทดเกียร์ 4 และเฟืองท้ายที่ค่อนข้างสูง เพื่อชดเชยกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์ ทำให้ใช้รอบค่อนข้างสูง ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 2,500 รอบต่อนาที และ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 3,000 รอบต่อนาที หรือถ้าเดินทางที่ความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะใช้รอบ 3,500 รอบต่อนาที ทีมงานเอ็มจี แจ้งว่ามีระบบบเรียนรู้พฤติกรรมการขับเพื่อให้ปรับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างเหมาะสม

สมรรถนะพอใช้ ประทับใจช่วงล่าง

●   การทดลองขับเริ่มต้นที่โรงแรม So Sofitel Bangkok ขึ้นทางด่วนต่อเนื่องทางพิเศษลอยฟ้า ช่วงนี้ได้ลองใช้ระบบปรับน้ำหนักพวงมาลัยเป็นโหมด Sport พวงมาลัยหนืดขึ้นชัดเจน ทำให้ควบคุมรถง่ายขึ้นแม้บางช่วงมีลมปะทะด้านข้างค่อนข้างแรง และช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

●   ระบบกันสะเทือนปรับได้ลงตัวสำหรับการใช้งานทั่วไป ทั้งเรื่องความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนน มีระบบช่วยมากมาย เช่น SCS ช่วยการทรงตัว CBC ควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง TCS ป้องกันล้อหมุนฟรี และ HAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มีบางจังหวะรู้สึกว่าสะเทือนมากไปนิดเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ หรือออกอาการยวบยาบบ้างเมื่อใช้ความเร็วสูงบนถนนที่เป็นคลื่นลอนต่อเนื่อง แต่โดยรวมแล้วนับว่าน่าพอใจ ขับแล้วรู้สึกว่าช่วงล่างหนักแน่นมั่นใจ ดิสก์เบรก 4 ล้อ ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อแตะเบรกเพื่อชลอความเร็ว แตะเบาๆ ก็ดึงรถให้ช้าลงได้แล้ว แต่ถ้าต้องการเบรกให้หยุดกลับต้องออกแรงมากหน่อย

●   รถที่ใช้ในการทดลองขับเติมแก๊สโซฮอล์ 95 ผลงานของเครื่องยนต์ไม่เกินความคาดหมาย ทั้งในด้านสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดีในช่วงความเร็วต่ำ ส่วนการเร่งที่ความเร็วปานกลางและความเร็วสูง ต้องอาศัยรอบสูงช่วยสร้างแรงบิด ตามบุคลิกของเครื่องยนต์บล็อกเล็กแรงบิดน้อย ช่วงแรกที่ขับบนทางด่วนใช้ความเร็วคงที่ต่อเนื่องก็ไม่รู้สึกว่าอืด เร่งแซงแบบไม่รีบก็พอไปได้ เดินทางช่วงแรกประมาณ 80 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยแบบใช้งานจริง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร


โชว์รูมเอ็มจี จังหวัดระยอง


●   พักเติมพลังมื้อกลางวันเสร็จแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังโชว์รูมเอ็มจี จังหวัดระยอง ซึ่งใช้เป็นจุดปล่อยตัวสำหรับกิจกรรมขับประหยัด เส้นทางมีทั้งโล่งและการจราจรติดขัดเพราะขับผ่านเมือง ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ให้เวลา 90 นาที ลองขับแบบใช้งานทั่วไปไม่เน้นปั้นตัวเลขมากนัก ยังมีการเร่งเพื่อแซงหลายครั้ง ออกเดินทางเกือบคันสุดท้าย แต่ถึงที่หมายใกล้เคียงคันอื่น ได้ตัวเลข 16.6 กิโลเมตรต่อลิตร ดีกว่าตัวเลขเคลมจากโรงงานที่ระบุ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนคันที่ประหยัดสูงสุดทำได้ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร คันที่รองๆ ลงมาก็อยู่ในช่วง 18 กิโลเมตรต่อลิตร ขับใช้งานจริงคาดหวังได้แถวๆ 12 – 14 กิโลเมตรต่อลิตร

●   เส้นทางบางช่วงเป็นถนน 2 เลนสวน การเร่งแซงต้องคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพิ่มความกระฉับกระเฉง หรือใช้โหมด S +/- เพื่อรักษาตำแหน่งเกียร์ไว้ก่อนเร่งแซง เครื่องยนต์แรงบิดน้อยไม่ค่อยเหมาะกับการขับที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ ถ้าขับความเร็วคงที่ต่อเนื่องจะไม่มีปัญหา ขับได้ราบเรียบนุ่มนวล สมรรถนะโดยรวมของทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง อยู่ในเกณฑ์เพียงพอกับการใช้งาน แต่ไม่ใช่จุดเด่นของรถรุ่นนี้

●   ห้องโดยสารค่อนข้างเงียบจนถึงความเร็วประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงจะเริ่มมีเสียงลมเข้ามาบ้าง อยู่ในระดับที่รับได้สำหรับรถทรงสูง การตกแต่งใช้วัสดุคุณภาพดี เช่น ปุ่มสตาร์ต หรือแป้นคอนโซลเกียร์ ภายในกว้างขวาง เบาะผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ นั่งสบายพอสมควร เบาะหลังไม่มีที่เท้าแขนตรงกลาง พนักพิงปรับชันไปนิด ผู้โดยสารมีความสูง 169 เซนติเมตร นั่งแบบหลังชิดเบาะ เหลือพื้นที่เหนือศีรษะและด้านข้างประมาณ 2 นิ้ว

●   MG ZS รุ่นย่อย X ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด อุปกรณ์มาตรฐานครบครันทั้งภายนอกภายใน มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย และการสื่อสารกับตัวรถผ่านสมาร์ทโฟน ห้องโดยสารกว้างขวางเอนกประสงค์ ตัวรถยกสูงกว่าเก๋ง เพิ่มขอบเขตการใช้งาน ราคาน่าสนใจ 789,000 บาท พร้อมการรับประกัน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร

●   ด้วยคุณภาพของตัวรถที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการตั้งราคาที่น่าสนใจ น่าจะทำให้ MG เข้าไปอยู่ในลิสต์ของผู้ที่กำลังมองหารถใหม่ได้มากขึ้น ส่วนเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นด้านบริการหลังการขาย ก็มีการเพิ่มสาขาโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายแล้วก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์   ●

Specification: MG ZS X

–   แบบตัวถัง เอนกประสงค์ 5 ประตู
–   ยาว x กว้าง x สูง 4,314 x 1,809 x 1,624 มิลลิเมตร
–   ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,526/1,534 มิลลิเมตร
–   ระยะต่ำสุด 165 มิลลิเมตร
–   ฐานล้อ 2,585 มิลลิเมตร
–   น้ำหนัก 1,258 กิโลกรัม (โดยประมาณ)
–   แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Vti-TECH
–   กระบอกสูบ x ช่วงชัก 75 x 84.8 มิลลิเมตร
–   อัตราส่วนการอัด 11.5:1
–   กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
–   แรงบิดสูงสุด 15.28 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบต่อนาที
–   ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode
–   ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
–   ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียมพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
–   ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
–   ระบบกันสะเทือนหลัง ทอร์ชั่นบีม
–   ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์ พร้อม ABS, EBD และ EBA
–   ผู้จำหน่าย บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
–   โทรศัพท์ MG Call Centre 1267
–   เวบไซต์ www.mgcars.com.


2017 MG ZS X : Test Drive