September 26, 2017
Motortrivia Team (10076 articles)

Toyota Yaris ATIV S กว้างขวางเกินตัว ประหยัด 24.8 กม./ลิตร


เรื่อง-ภาพ-วีดิโอ  :  นาธัส แสงสุริยะ

 

●   โตโยต้าเพิ่มทางเลือกให้รถในกลุ่มอีโคคาร์ด้วยเวอร์ชั่นซีดานของยาริส เพิ่มชื่อต่อท้าย เอทีฟ เปิดตัวกลางเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา เด่นเรื่องอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน โดยเฉพาะอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวาง และที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ล่าสุดจัดทดสอบแบบกลุ่มบนเส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี ระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร มีช่วงขับประหยัดประมาณ 90 กิโลเมตรให้ประลองน้ำหนักเท้ากันด้วย

●   ช่วงเช้าเริ่มต้นกันที่ Toyota Driving Experience Park ได้รับเกียรติจาก คุณกวิน เตชะวิเศษ ผู้จัดการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คุณสุรินทร์ สิงเหาะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริการด้านเทคนิคประเทศไทย และ คุณณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดรถยนต์นั่ง ร่วมบรรยายผลิตภัณฑ์

ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่โครงสร้าง

●   ยาริส เอทีฟ เน้นความเงียบในห้องโดยสาร ลดเสียงรบกวนจากภายนอกด้วยการเพิ่มฉนวนกันเสียงบริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้ขับ, ด้านข้างฐานเกียร์, หลังกล่องเก็บของเอนกประสงค์ระหว่างเบาะหน้า, ใต้พวงมาลัย, ใต้ที่เก็บของฝั่งผู้โดยสาร และเพิ่มแผ่นเก็บเสียงที่พื้นรถ, ใต้ห้องเก็บสัมภาะด้านท้าย ติดตั้งแผ่นเก็บเสียงที่หลังคา ฉนวนป้องกันเสียงที่เสากลาง, ด้านข้างเบาะหลัง, ฝากระโปรงท้าย, ที่เก็บของหลังเบาะหลัง และแผงลำโพงด้านหลังเบาะหลัง พร้อมเพิ่มขนาดของฉนวนป้องกันเสียงเครื่องยนต์ กระจกหน้าแบบกันเสียงรบกวน Acoustic Glass (ตั้งแต่รุ่น E ขึ้นไป)

●   โครงสร้างนิรภัย GOA เพิ่มความแข็งแรงด้วยการเพิ่มขนาดเหล็กเสริมใต้ท้องรถ และเพิ่มจุดเชื่อมจาก 2 เป็น 4 จุด เพิ่มจุดเชื่อมบริเวณกลางตัวรถทั้ง 2 ฝั่งจาก 31 เป็น 39 จุด เสริมความแข็งแรงบริเวณคอนโซลด้านหน้า ทำให้ตัวถังแข็งแรงขึ้น เบาะคู่หน้าแบบ WIL-Whiplash Injury Lessening ป้องกันศีรษะสะบัดไปด้านหลังเมื่อถูกชนท้าย โครงสร้างกลไกภายในเบาะเป็นแบบลดแรงกระแทก

●   เครื่องยนต์รหัส 3NR-FE แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-i ความจุ 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i มีการปรับปรุงการทำงานของ ECU ที่ควบคุมระบบปั๊มเชื้อเพลิง เพื่อให้ปริมาณและแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงเหมาะสมกับรอบและภาระของเครื่องยนต์ รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

●   พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ได้รับการปรับจูน ECU ของพวงมาลัยใหม่ เพิ่มสัญญาณความเร็วที่ใช้ร่วมกับ VSC ทำให้การแปงผันน้ำหนักพวงมาลัยในแต่ละช่วงความเร็วมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วงล่างหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ปรับปรุงในส่วนของค่า K หรือค่าความแข็งของคอยล์สปริง และปรับวาล์วลูกสูบที่ช๊อคฯ หน้าให้ตอบสนองไวขึ้นทั้งจังหวะยุบและยืด ปรับทางเดินของน้ำมันในช๊อคฯ ให้มีความนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำ และหนึบแน่นเมื่อใช้ความเร็วสูง ส่วนช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ก็ได้รับการปรับปรุงในส่วนของค่า K ของสปริงเช่นกัน

●   ยาริส เอทีฟ รุ่น S ที่ได้ทดลองขับมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เช่น โคมไฟหน้ารมดำแบบโปรเจ็กเตอร์ LED Light Guiding พร้อมระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และ Follow-me-home กระจังหน้าสีดำเงาตกแต่งโครเมียม ด้านล่างสีดำเงาตกแต่งด้วยแถบสีแดง กระจกมองข้าง Piano Black และไฟท้ายรมดำ Light Guiding ส่วนภายในของรุ่น S แตกต่างด้วยโทนสีดำ เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับ MID แบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว เครื่องเล่น DVD จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB/HDMI/Micro SD Card และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 473 ลิตร ที่วางแก้วน้ำพร้อมไฟส่องสว่าง และพื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ

●   ระบบความปลอดภัยครบมีในทุกรุ่นย่อย เป็นครั้งแรกของรถคลาสนี้ที่ติดตั้งแอร์แบ็ก 7 ใบ พร้อม VSC ควบคุมการทรงตัว TRC ป้องกันล้อหมุนฟรี ABS ป้องกันล้อล็อก EBD กระจายแรงเบรก และ BA เพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน HAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน โดยจะคงแรงดันน้ำมันเบรกไว้ประมาณ 3-5 วินาที หลังจากยกเท้าออกจากแป้นเบรก


ลองระบบความปลอดภัยใน TDEXP

●   ก่อนออกเดินทางได้ลองขับใน Toyota Driving Experience Park เพื่อลองสมรรถนะ อัตราเร่ง และระบบความปลอดภัยต่างๆ (ยกเว้นแอร์แบ็ก) ในส่วนของอัตราเร่งก็เป็นไปตามระดับของเครื่องยนต์พิกัด 1,200 ซีซี ที่ไม่ได้เน้นความหวือหวา มีเกียร์อัตโนมัติ CVT มาช่วยเพิ่มความต่อเนื่องของอัตราเร่ง เพราะไม่มีช่วงรอบตกขณะเปลี่ยนเกียร์ ที่ชอบใจเป็นพิเศษก็คือ การแปรผันการผ่อนแรงของพวงมาลัย ที่ทำได้อย่างชัดเจน ที่ความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะเบาทำให้ขับง่ายโดยเฉพาะสุภาพสตรี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้ และเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยจะหนืดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การหมุนพวงมาลัยเป็นธรรมชาติ ไม่เบาเกินไปจนรู้สึกหวิว และในช่วงขับผ่านผิวถนนขรุขระ พวงมาลัยก็หนักแน่นดี

●   ช่วงล่างเซตมาพอดีทั้งความนุ่มและความหนึบ ขับผ่านช่วงที่จำลองผิวถนนขรุขระแบบต่างๆ รวมทั้งฝาท่อที่มักพบเจอบนถนนทั่วไป ก็สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ตัวรถมีความนุ่มนวลไม่กระแทกหรือสะท้าน ส่วนการขับแบบสลาลม หรือ Lane Change หักหลบฉุกเฉินที่ความเร็วค่อนข้างสูง ช่วงล่างก็ยังรับมือได้ดี ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะมีตัวช่วยอย่าง VSC และ TRC

●   ขับผ่านผิวถนนที่ปูกระเบื้องและฉีดน้ำไว้เปียกชุ่ม ลื่นแบบสุดๆ ทดลองเหยียบเบรกเต็มที่แล้วหมุนพวงมาลัยหลบ ABS ช่วยให้ล้อไม่ล็อกและหลบสิ่งกีดขวางได้ ABS ยุคใหม่ๆ แทบไม่ส่งแรงสะท้านมาที่แป้นเบรก จากนั้นลองเหยียบคันเร่งสุดบนถนนเปียก ซึ่งจะมี 2 ระบบเข้ามาช่วยคือ TRC ป้องกันล้อหมุนฟรี แม้จะเหยียบคันเร่งสุด แต่ถ้าล้อใดล้อหนึ่งหมุนฟรี TRC ก็จะทำงานด้วยการเบรกในล้อที่จำเป็น ส่วนในการเข้าโค้งบนถนนเปียกลื่น VSC ก็จะเข้ามาช่วยด้วย เพื่อให้รถไปในทิศทางที่หมุนพวงมาลัยไป โดยรถจะไม่เสียการทรงตัว ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม อาจจะดูไม่หล่อเท่าดิสก์ 4 ล้อ แต่ผลงานน่าพอใจ เหยียบเบรกลงไปแล้วรู้สึกว่ามีแรงดึง ไม่มีอาการเบรกไหลหรือเบรกทื่อ

ใช้งานจริง 16-17 กิโลเมตรต่อลิตร

●   ขับในสนามกันครบทุกคนแล้วก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าร้านอาหารกลางวัน ครัวริมทาง จังหวัดชลบุรี ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร นั่ง 3 คนพร้อมสัมภาระประจำตัว ใช้มอเตอร์เวย์แยกออกบ้านบึง เซต 0 ก่อนออกเดินทาง ช่วงแรกใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองขยับขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มนิ่งที่ 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร จากนั้นเพิ่มความเร็วขึ้นเป็น 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอดีกับช่วงแยกออกบ้านบึง รถเริ่มหนาแน่น มีเร่งแซงบ้างเพราะเริ่มหิว ถึงร้านอาหารด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร ระยะทาง 87.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที

●   ช่วงล่างพอดีกับการใช้งานทั่วไป ขับความเร็วตามกฎหมายขึ้นลงคอสะพานได้อย่างมั่นคง พวงมาลัยที่หนืดมือช่วยให้รถมีความมั่นคงเมื่อใช้ความเร็วหรือเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน เบรกสร้างแรงดึงได้ดี ห้องโดยสารเงียบสมความตั้งใจ และจะเริ่มมีเสียงลมเข้าที่ความเร็วประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขับประหยัด 24.8 กิโลเมตรต่อลิตร

●   อิ่มแล้วต่อด้วยกิจกรรมชวนหลับขับประหยัด ระยะทางประมาณ 92 กิโลเมตร ให้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที คิดคร่าวๆ ก็เดินทางด้วยความเร็วเฉลี่ย 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ต้องใช้ความเร็วประมาณ 65-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เผื่อรถติดไว้บ้าง ก่อนเริ่มขับประหยัดทีมงานโตโยต้าได้ปรับแอร์เป็นโหมดอัตโนมัติ ปรับความเย็นไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส ซีลสวิตช์ระบบปรับอากาศห้ามสื่อมวลชนปรับเอง เซต 0 ก่อนออกเดินทาง และเริ่มจับเวลาแยกทีละคัน

●   หน้าที่คำนวณเวลากับระยะทางของผมแทบจะหมดความสำคัญ เพราะปัจจุบันมี Google Map แค่ใส่จุดหมายปลายทาง ระบบก็จะคำนวณให้ว่าจะใช้เวลาเดินทางกี่นาทีถึงจุดหมาย ทีเด็ดอยู่ตรงที่มีการคำนวณเผื่อสภาพการจราจรให้ด้วย และมีความแม่นยำเชื่อถือได้ ลองทบทวนเป็นระยะๆ ด้วยการดูเวลาและระยะทางที่ขับไปแล้วกับระยะทางที่เหลืออยู่ เพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้น

●   จากระยะทางและเวลาที่กำหนด ดูเหมือนจะสบาย แต่จริงๆ แล้วขับยาก เพราะต้องใช้ความเร็วต่ำระดับ 60-65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจังหวะต้องหลบลงไหล่ทางเพื่อให้รถใหญ่ที่ขับอยู่เลนซ้ายแซงขึ้นไป อัตราสิ้นเปลืองที่ได้จึงไม่ตรงกับการใช้งานจริงนัก แต่ก็ได้ทดลองว่ารถรุ่นนี้จะประหยัดเชื้อเพลิงได้สูงสุดเท่าไร

●   ช่วงแรกขับเร็วไปนิด ประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Google Map คำนวณแล้วถึงปลายทางโดยที่เวลายังเหลือมากถึง 20 นาที จึงแนะนำให้ผู้ขับค่อยๆ ลดความเร็วลง ปรากฎว่าตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่เคยนิ่งๆ มาก่อนหน้านี้ก็ขยับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเจอไฟแดงก็จะเริ่มลดลงบ้าง ช่วงสุดท้ายเห็นตัวเลขดีสุด 25 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ต้องจอดติดไฟแดงก่อนถึงปลายทางแค่ 800 เมตร สุดท้ายถึงจุดลงเวลาด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.8 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้เวลา 1.24 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   ในช่วงขับประหยัด ลองย้ายไปนั่งเบาะหลังฝั่งผู้ขับ พบว่าที่วางขาเหลือเฟือเกือบ 20 เซนติเมตร ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหลังมีความสูงพอๆ กันที่ 169 เซนติเมตร นั่งพิงแบบเต็มหลัง เหลือพื้นที่เหนือศีรษะแบบฝ่ามือลอดได้ ส่วนพื้นที่ด้านข้างศีรษะเหลือมากกว่านิด พนักพิงตั้งชันไปหน่อย ที่รองขาพอดีๆ และไม่มีที่เท้าแขนกลางเบาะหลัง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้สำหรับรถคลาสนี้

●   โตโยต้า ยาริส เอทีฟ รุ่นย่อยสูงสุด S อีโคคาร์ที่ไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่ในเมือง สมรรถนะโดยรวมดีพอจะขับเดินทางไกลได้อย่างปลอดภัยและไม่เหนื่อย เครื่องยนต์เน้นประหยัด เร่งพอได้แต่ต้องใช้รอบช่วย พื้นที่ด้านหลังกว้างขวางเกินตัว อุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยครบๆ ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ จึงสามารถใช้งานได้ใกล้เคียงรถขนาดใหญ่กว่า โดยยังคงความประหยัดตามสไตล์อีโคคาร์ไว้เช่นเดิม

●   โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ราคาช่วงแนะนำถึง 31 ตุลาคม 2560 นี้ รุ่น S 619,000 บาท, G 599,000 บาท, E 549,000 บาท, J 519,000 บาท และ J ECO 469,000 บาท รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร กับศูนย์บริการ 464 สาขาทั่วประเทศ   ●

Specification: Toyota Yaris ATIV S

–  แบบตัวถัง ซีดาน 4 ประตู
–  ยาว x กว้าง x สูง 4,425 x 1,730 x 1,475 มิลลิเมตร
–  ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,470/1,460 มิลลิเมตร
–  ฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร
–  ระยะต่ำสุด 133 มิลลิเมตร
–  น้ำหนัก 1,087 กิโลกรัม
–  แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUAL VVT-i
–  ความจุ 1,197 ซีซี
–  กระบอกสูบ x ช่วงชัก 72.5 x 72.5 มิลลิเมตร
–  อัตราส่วนการอัด 11.5:1
–  กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
–  แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที
–  ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock
–  ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
–  ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS
–  ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง
–  ระบบกันสะเทือนหลัง ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง มี TRC และ VSC
–  ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดรัม พร้อม ABS, EBD และ BA
–  ผู้จำหน่าย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
–  โทรศัพท์ ลูกค้าสัมพันธ์ 0-2386-2000 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1800-238-444
–  เวบไซต์ www.toyota.co.th.


2017 Toyota Yaris ATIV S Test Drive