September 2, 2017
Motortrivia Team (10069 articles)

2018 Bentley Continental GT เจนเนอเรชั่น 3 ปราดเปรียวกว่าที่เคย


Posted by : AREA 54

 

●   เบนท์ลีย์เปิดตัวสปอร์ตหรูคลาสแกรนด์ทัวเรอร์ Bentley Continental GT รุ่นใหม่แบบ All-New เจนเนอเรชั่น 3 โดยทำการออกแบบภาพลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งหมด ลบภาพความเป็นสปอร์ตอุ้ยอ้ายด้วยทรวดทรงบางส่วนที่อ้างอิงมาจากรถต้นแบบ Bentley EXP 10 Speed 6 Concept ยังผลให้ Continental ใหม่ให้ความรู้สึกปราดเปรียวที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยมีมา

●   Continental GT ใหม่เปลี่ยนไปใช้แพลทฟอร์มน้ำหนักเบารุ่นล่าสุด MSB หรือ modular standard architecture ที่ใช้งานอยู่ใน Porsche Panamera ใหม่รุ่นปี 2017 เทียบกับรุ่นก่อนหน้าฐานล้อยาวจะขึ้น 110 มม. บอดี้ทั้งหมดผลิตจากอลูมิเนียม น้ำหนักตัวรวม 2,250 กก. เบาขึ้นกว่ารุ่นเดิม 85 กก.

●   ห้องโดยสารยังคงเน้นความหรูด้วยการใช้ลายไม้และหนังต่างชนิดในการตกแต่ง ขณะเดียวกันชุดอุปกรณ์ไฮเทคก็มีให้ใช้งานตามยุคสมัย มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยเป็นแบบฟูลดิจิทัล ส่วนจอกลางสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยมีมาด้วยขนาด 12.3 นิ้ว คุณภาพความละเอียดเทียบเท่าจอ retina ผู้ขับสามารถเลือกตั้งค่า home screen ได้เอง

●   ทั้งนี้ในขณะที่ดับเครื่องยนต์ ตัวจอจะถูกหมุนเก็บเพื่อโชว์ความหรูของลายไม้ และจะถูกเรียกออกมาใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งนอกจากการหมุนจอเก็บเพื่อโชว์ลายไม้ที่เรียบเนียนไปทั้งคอนโซลแล้ว เบนท์ลีย์ยังออกแบบให้มีการหมุนคอนโซลเพิ่มเป็นด้านที่ 3 พร้อมติดตั้งมาตรวัดอนาล็อกทรงกลม 3 ชิ้นให้อีกด้วย โดยแบ่งเป็นมาตรวัดอุณหภูมิ, เข็มทิศ และนาฬิกา เบนท์ลีย์ระบุว่าการออกแบบในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกแผงคอนโซลได้ 3 อารมณ์ คือ เรียบเนียนแบบสะอาดตา, หรูหราด้วยมาตรวัดอนาล็อก หรือไฮเทคด้วยจอทัชสกรีนขนาดใหญ่

●   การใช้แพลทฟอร์มใหม่ทำให้เบนท์ลีย์สามารถติดตั้งระบบจ่ายไฟใหม่แบบ 48-volt system (มาตรฐาน 42-volt เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ยุค 90s) เช่นเดียวกับรถใหม่ในเครือ เช่น ออดี้หรือปอร์เช่ โดย Continental GT นับเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก Bentley Bentayga กำลังไฟที่มากขึ้นนี้จะช่วยให้ช่วงล่างอิเลคทรอนิค Bentley Dynamic Ride มีแฮนด์ลิ่งที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการดีเลย์ของข้อมูลในการปรับการตอบสนองแบบอัตโนมัติของช่วงล่างที่มีต่อสภาพถนนในรูปแบบต่างๆ กัน และไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ เป็นต้น

●   ชุดช่วงล่างแบบถุงลมได้รับการปรับปรุงใหม่ให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น เพิ่มปริมาตรอากาศขึ้น 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แอนตี้-โรลล์บาร์หน้า/หลังแบบไฟฟ้าทำงานอัตโนมัติ เบนท์ลีย์เคลมว่า Continental GT จะมีช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบสปอร์ต หรือให้ความรู้สึกนุ่นนวลในแบบลิมูซีน

●   เบื้องต้นเบนท์ลีย์จะเริ่มทำตลาด Continental GT ด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน W12 สูบ ความจุ 6.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ (TSI) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 635 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 91.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม.

●   เครื่องยนต์บล็อคนี้ผสานการทำงานระหว่างหัวฉีดแรงดันสูงและแรงดันต่ำ โดยในขณะที่ใช้งานในแบบปกติที่ไม่ต้องการใช้พละกำลังทั้งหมดของเครื่องยนต์ การใช้งานระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบแรงดันต่ำจะช่วยลดการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียลง 16% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดย Continental GT ใหม่มีตัวเลขการคาย CO2 อยู่ที่ 278 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐาน Euro 6

●   นอกจากนี้ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหลือเพียง 6 สูบ (Variable Displacement system) และระบบ Start-Stop ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้การดับเครื่องยนต์รวดเร็วขึ้น โดยเมื่อความเร็วรถลดลงจนเกือบถึงจุดหยุดนิ่ง เครื่องยนต์จะหยุดทำงานล่วงหน้าเล็กน้อย ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีกนิดหน่อย ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยจากโรงงาน 8.1 กม./ลิตร หรือดีขึ้นราว 1 กม./ลิตร และระบบขับเคลื่อน all-wheel drive แบบแอคทีฟรุ่นใหม่จะพยายามใช้งานเฉพาะการขับเคลื่อนล้อหลังให้มากที่สุดตามสถานการณ์ เพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในอีกทาง

●   เบนท์ลีย์จะเริ่มผลิต Continental GT ใหม่ภายในช่วงปี 2017 นี้ และจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2018 เป็นต้นไป ส่วนราคาจำหน่ายยังไม่เปิดเผยในเวลานี้ครับ   ●


2018 Bentley Continental GT