Royal Enfield Classic Battle Green สะดุดตาที่รูปลักษณ์และสีสัน
เรื่อง-ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ
● รอยัล เอนฟิลด์ รุ่น Classic สี Battle Green มอเตอร์ไซค์ทรงคลาสสิคตามชื่อรุ่น สะดุดตาด้วยสีเขียวด้าน หรือที่บางคนเรียกว่าสีเขียวทหาร รูปลักษณ์ออกแบบย้อนยุค ตั้งแต่โคมไฟหน้าทรงกลมพร้อมไฟหรี่ด้านข้าง ไฟเลี้ยวโคมเหลืองทรงหัวกระสุน บังโคลนหน้าและหลังยึดเสริมความแข็งแรงแบบดั้งเดิม ชุดมาตรวัดมีเพียงมาตรวัดความเร็วและระยะทาง ส่วนปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงใช้ระบบไฟเตือนเมื่อใกล้หมด
● แฮนด์ทรงปีกนกจัดวางท่านั่งแบบหลังเกือบตรง ประกับขวาสำหรับสตาร์ต ส่วนประกับซ้ายใช้ควบคุมระบบไฟส่องสว่างและแตร พักเท้าอยู่เยื้องไปด้านหน้า หัวเข่าไม่พับทำให้ขี่สบาย เบาะเดี่ยวมีสปริงใต้เบาะไว้ช่วยซับแรง แต่เท่าที่ลองกดดูพบว่าไม่ค่อยยุบ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะตัวเบาะเองก็กว้างและหนานุ่มพอสมควร สงสัยอยู่นิดว่าเป็นรถที่นั่งเดี่ยว แต่มีพักเท้าหลังมาให้ อาจเผื่อไว้สำหรับติดเบาะซ้อนเสริมทีหลัง ถังน้ำมันความจุ 14.5 ลิตร รูปทรงอวบใหญ่ ขี่แล้วขากางนิดๆ
● เครื่องยนต์สูบเดียวระบายความร้อนด้วยอากาศ ท่อไอเสียทรงบวบออกฝั่งขวาของผู้ขี่ มีคันสตาร์ตด้วยเท้าติดมาให้เผื่อฉุกเฉิน แต่ไม่ได้ทดลองใช้งานเพราะกลัวตาตุ่มมีตำหนิ ฝั่งซ้ายของตัวรถมีมือจับสำหรับเวลาจะยกขาตั้งคู่ ชุดไฟท้ายทรงกลมออกแบบเรียบง่ายรวมเป็นชุดเดียวกับที่ติดป้ายทะเบียน
● ลองขึ้นคร่อมแล้วโยกรถตั้งตรงได้ไม่ยาก ผู้ขี่สูง 169 เซนติเมตร ยันพื้นได้ประมาณเกือบครึ่งเท้า รถมีระบบความปลอดภัย ถ้าไม่เอาขาตั้งขึ้นจะสตาร์ตไม่ได้ หรือถ้าสตาร์ตเครื่องอยู่ แม้จะปลดเป็นเกียร์ว่างแล้ว แต่ถ้าเอาขาตั้งลงเครื่องยนต์ก็จะดับ ทำความรู้จักกับตัวรถพอสมควรแล้วก็ได้ฤกษ์ทดลองขี่ โชคดีที่แดดไม่ร้อนและฝนไม่ตก ตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะขี่ไปคนเดียว และไม่ใช่รถของตัวเอง ก็เลยเลือกเส้นทางที่คุ้นเคยเอาไว้ก่อน ระยะทางไม่ไกลนัก แค่จับความรู้สึกได้บ้างก็พอ
● ท่านั่งพอเหมาะลงตัวนั่งสบาย การควบคุมรถทำได้ง่ายโดยเฉพาะเวลาเข้าโค้ง เครื่องยนต์สูบเดียว 500 ซีซี ให้สุ้มเสียงที่ถูกใจ ออกแนวทุ้มต่ำเป็นลูกๆ เมื่อบิดคันเร่งที่ความเร็วต่ำ แรงบิด 4.2 กก.-ม. เพียงพอกับการเร่งแซงได้อย่างปลอดภัย ช่วงรอบแรงบิดที่กว้างทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ อาการสั่นที่ร่ำลือก็มีให้สัมผัสอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ถึงขั้นรับไม่ได้ ปัญหาคือ กระจกมองข้างที่สั่นตามไปด้วย ทำให้กะระยะรถด้านหลังไม่ค่อยได้
● ช่วงล่างค่อนข้างนุ่ม ไม่กระแทกหรือสะเทือนมากนัก ขี่ต่อเนื่องได้นานโดยไม่เมื่อย ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม เหลือเฟือสำหรับการเบรกที่ความเร็วปกติ เบรกหลังแบบดรัมให้แรงเบรกดีกว่าดิสก์หลังของรถบางรุ่นด้วยซ้ำ ส่วนดิสก์เบรกหน้าแตะเบาๆ ก็อยู่ การจับตัวไม่เร็วเกินไป ทำให้เบรกได้นุ่มนวล ตลอดการทดลองขี่และถ่ายรูป จอดที่ไหนก็จะมีคนแวะเวียนเข้ามาพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับตัวรถ น่าจะเพราะรูปทรงและสีสันที่ดึงดูดความสนใจ
● รอยัล เอนฟิลด์ Classic Battle Green เน้นสไตล์เป็นหลัก น่าจะถูกใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิค อารมณ์ขี่ท่องเที่ยวชมวิวเอาบรรยากาศ ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงจัดจ้าน ท่านั่งขี่สบายไม่เมื่อย ควบคุมรถได้ง่าย ราคา 189,800 บาท น่าสนใจสำหรับรถระดับ 500 ซีซี ●
Specification: Royal Enfield Classic Battle Green
– ยาว x กว้าง x สูง 2,160 x 800 x 1,050 มิลลิเมตร
– ฐานล้อ 1,370 มิลลิเมตร
– ระยะต่ำสุด 135 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 187 กิโลกรัม รวมน้ำมันเครื่องและน้ำมันเชื้อเพลิง 90 เปอร์เซ็นต์
– ความจุถังน้ำมัน 14.5 ลิตร
– แบบเครื่องยนต์ สูบเดียว 4 จังหวะ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์
– ความจุ 499 ซีซี
– กระบอกสูบ x ช่วงชัก 84 x 90 มิลลิเมตร
– อัตราส่วนการอัด 8.5:1
– กำลังสูงสุด 27.2 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที
– แรงบิดสูงสุด 4.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที
– ระบบส่งกำลัง 5 จังหวะ คลัตช์เปียก
– ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิก ขนาด 35 มิลลิเมตร ระยะยุบ 130 มิลลิเตร
– ระบบกันสะเทือนหลัง ช็อกแอ็บซอร์เบอร์แก๊ส Preload 5 ระดับ ระยะยุบ 80 มิลลิเมตร
– ระบบเบรกหน้า ดิสก์ขนาด 280 มิลลิเมตร 2 ลูกสูบ
– ระบบเบรกหลัง ดรัมขนาด 153 มิลลิเมตร
– ยางหน้า/หลัง 90/90-19 / 110/80-18
2017 Royal Enfield Classic Battle Green