2018 Mercedes-Benz X-Class เผยโฉมรุ่นจำหน่ายจริง

702views

Posted by : AREA 54

● เป็นรถอีก 1 รุ่นที่มีข่าวคราวให้แฟนๆ ติดตามกันมาพักใหญ่ นับตั้งแต่ข่าวลือในปี 2015 มาจนถึงการจัดแสดงรถต้นแบบ X-Class Pickup Concept ในปี 2016 ในที่สุด Mercedes-Benz X-Class คันจริงที่ถอดสัดส่วนของความเป็นรถต้นแบบออกไปก็เผยโฉมออกมาแล้ว โดยปิคอัพที่ใช้พื้นฐานของ Nissan Navara รุ่นนี้ นับเป็นปิคอัพรุ่นแรกภายใต้ตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์

● X-Class นับเป็นรถปิคอัพรุ่นที่ 2 ที่ใช้แชสซีส์ของ Navara ต่อจาก Renault Alaskan รายละเอียดส่วนใหญ่ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากข่าวเดิมครับ ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแชสซีส์ของ Navara รุ่นปัจจุบัน ภาพลักษณ์โดยรวมต้องมีการตกแต่งเพิ่มเติมอย่างหนักหลายจุด ถึงจะดุเดือดเช่นเดียวกับตัวต้นแบบ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในแวดวงชาว 4WD อยู่แล้ว

● สมรรถนะของรุ่นพื้นฐานจากโรงงานมากับระยะเคลียร์ใต้ท้องรถ 7.9 นิ้ว หากติดตั้งแพคเกจออฟ-โรดเพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มความสูงขึ้นเป็น 8.7 นิ้ว พร้อมองศาของมุมปะทะ (approach) 30.1 องศา, มุมจาก (departure) 25.9 องศา มุมคร่อม (breakover) 20.4 องศา ลุยน้ำลึกได้สูงสุด 23.6 นิ้ว รองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 1.2 ตัน และรองรับการลากจูงอุปกรณ์สันทนาการ (เรือ, ม้า, เทรลเลอร์ ฯลฯ) สูงสุด 3.8 ตัน

● ในช่วงเปิดตัว X-Class จะเริ่มทำตลาดด้วย 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร แบ่งเป็นรุ่นรหัส X 220 d ที่อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จเดี่ยว กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) และรุ่น X 250 d อัดอากาศด้วยไบเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 190 แรงม้า ระบบส่งกำลังเลือกได้ระหว่างธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS ขับเคลื่อนล้อหลังหรือ 4MATIC AWD จากนั้นในช่วงกลางปี 2018 จะเพิ่มรุ่นย่อย X 200 เครื่องยนต์เบนซิน 165 แรงม้า ปิดท้ายด้วยรุ่นท๊อป เครื่องยนต์ V6 สูบ 258 แรงม้า

● การเลือกโหมดในการขับเคลื่อน หรือที่เมอร์เซเดสเรียกว่าเทคโนโลยี DYNAMIC SELECT สามารถเลือกได้ 5 รูปแบบ ประกอบด้วย Comfort, ECO, Sport, Manual และ Offroad ทั้งนี้เมื่อเทียบกับ Nissan Navara แม้ความยาวฐานล้อจะเท่ากันที่ 3,150 มม. แต่ระยะแทร็คล้อคู่หน้า-หลังจะได้รับการโมดิฟายให้กว้างขึ้น โดยความกว้างระหว่างล้อคู่หน้าอยู่ที่ 1,632 มม. (+62 มม.) คู่หลัง 1,625 มม. (+55 มม.) ว่ากันตามตัวเลข X-Class มีความมั่นคงมากกว่า Navara ครับ

● สำหรับเกรดรุ่นย่อยในเบื้องต้นที่แบ่งตามการตกแต่งจะมีทั้งหมด 3 เกรด ประกอบด้วย:

● Mercedes-Benz X-Class PURE : กันชนหน้า-หลังดำ, ชุดไฟหน้าฮาโลเจน, ล้อกระทะขนาด 17 นิ้ว, พรมปูพื้นพลาสติก, เครื่องเล่นวิทยุตระกูล Audio 20 พร้อมพอร์ท USB, ชุดเบาะตกแต่งด้วยผ้า, เบาะปรับมือ ทั้งนี้รุ่น PURE สามารถเลือกได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

● Mercedes-Benz X-Class PROGRESSIVE : กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ, ชุดไฟหน้ายังคงเป็นฮาโลเจน, ล้ออัลลอย 17 นิ้วลาย 6 ก้าน, พรมปูพื้นเส้นใยสังเคราะห์, ชุดระบบเครื่องเสียงเหมือนกันคือ Audio 20 แต่เพิ่มลำโพงเป็น 8 จุด, พวงมาลัย หัวเกียร์ เบรคมือ หุ้มหนัง และเพิ่มระบบไฟฟ้า อาทิ เซนเซอร์ตรวจวัดปริมาณน้ำฝน, ไล่ฝ้า ฯลฯ ส่วนออปชั่นเสียเงินเพิ่มมีอาทิ ล้อ 18 นิ้วลาย 6 ก้านคู่, ชุดไฟหน้า-ไฟท้าย LED, รูฟเรล, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, กระจกบานหลังไฟฟ้า, ชุดเบาะหนัง และเลือกจับคู่เครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ + ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ได้

● Mercedes-Benz X-Class POWER : ออปชั่นในรุ่น PROGRESSIVE จะถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ชุดระบบเครื่องเสียง Audio 20 CD ภายในตกแต่งเพิ่มเติมด้วยวัสดุรูปแบบต่างๆ ส่วนออปชั่นเสียเงินเพิ่มมี ล้ออัลลอย 19 นิ้ว, กระจกบานหลังไฟฟ้า, กระจกบานหลังแบบ privacy, รูฟเรล และ running boards (บันไดข้าง) นอกจากนี้ ทุกรุ่นย่อยยังสามารถเลือกแพคเกจเพิ่มเติมได้อีก 2 แพคเกจ คือ Winter Package ซึ่งเป็นแพคเกจฤดูหนาว อาทิ ระบบอุ่นเบาะ ระบบละลายน้ำแข็งหัวฉีดน้ำทำความสะอาดกระจก ฯลฯ ปิดท้ายด้วย Parking Package หรือระบบช่วยจอดพร้อมกล้องมุมมอง 360 องศา และระบบมัลติมีเดีย COMAND Online

● และทั้งหมดนี้ ยังไม่นับรวมชุดตกแต่งประเภท Sports bar, Styling bar, ชุด Bed liner, กล่องเก็บสัมภาระ 156 ลิตร, หลังคาเสริม ฯลฯ ไปจนถึงฝาปิดกระบะท้ายซึ่งมีให้ทั้งแบบฝาแข็งและผ้าใบครับ

● เมอร์เซเดสจะเริ่มจำหน่าย X-Class เครื่องยนต์ดีเซลในยุโรปภายในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 นี้ ส่วนตลาดอื่นๆ อาทิ ละติน อเมริกา, อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย ต้องรอคิวต่อไปอีกระยะ ในขณะที่อเมริกาเหนือยังคงไม่มีความชัดเจน ราคาจำหน่ายในเยอรมนีแบบตัวเปล่าไม่รวมออปชั่นใดๆ เริ่มต้นที่ 37,294 ยูโร หรือประมาณ 1.45 ล้านบาทครับ ●