June 22, 2017
Motortrivia Team (10170 articles)

All-New MINI Cooper S Countryman ขยับไซส์ ขยายความสุข


เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : มินิ ประเทศไทย

 

●   มินิ ยุคใหม่ภายใต้การบริหารกิจการโดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แตกไลน์เป็นหลายรุ่นย่อยเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่าง มีตั้งแต่รุ่นตัวถังเล็กสุด มินิ 3 ประตู, 5 ประตู, คลับแมน และพี่ใหญ่ในสายพันธุ์มินิอย่าง มินิ คันทรีแมน ที่เรียกตัวเองว่าเป็นรถประเภท SAV หรือ Sport Activity Vehicle เจนเนอเรชั่นแรก ทำตลาดระหว่างปี 2010 – 2016 มียอดจำหน่ายทั่วโลกกว่า 570,000 คัน ส่วนเจนเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในไทย 28 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา เพิ่มความทันสมัยและมีสไตล์ ตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้น และปรับเพิ่มหรูหรายิ่งขึ้น ล่าสุดทีมงานมอเตอร์ทริเวียมีโอกาสได้ทดลองขับมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน 192 แรงม้า ทั้งบนทางเรียบและออฟโรดเบาๆ กับวิวสวยๆ แถวเขื่อนปราณบุรี


มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน


●   ทำตลาดด้วย 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1,500 ซีซี DOHC 12 วาล์ว เทอร์โบ 136 แรงม้า ที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 1,400-4,300 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ๊อคไซด์ในไอเสีย 148 กรัมต่อกิโลเมตร สเปคระบุ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 9.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน


●   ส่วน มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน แบบเบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ๊อคไซด์ในไอเสีย 143 กรัมต่อกิโลเมตร สเปคระบุ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 224 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   ภายนอกของ มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน และมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ต่างกันที่ Side Scuttles ของคูเปอร์เป็นสี Piano Black ส่วนคูเปอร์ เอส มีกรอบโครเมียม กระจังหน้าคูเปอร์ เป็นแบบซี่นอน 5 แถว ส่วนคูเปอร์ เอส เป็นทรงรังผึ้งพร้อมกรอบโครเมียม มีสัญลักษณ์ S สีแดง และบนหลังคาติดตั้ง Roof Rail ขอบประตูด้านล่างมี Side Sill ส่วนด้านหลังต่างกันที่ท่อไอเสีย คูเปอร์ เอส ท่อคู่แยกออกซ้าย-ขวา ส่วนคูเปอร์มีท่อเดียว

●   แม้เป็นรถเล็กแต่ก็มีความปลอดภัยสูงสุด ผ่านมาตรฐานการชน EURO NCAP โดยได้รับคะแนน 5 ดาว มิติตัวถังขยับขึ้นเล็กน้อย มีความยาว 4,299 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 202 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 33 มิลลิเมตร เป็น 1,822 มิลลิเมตร สูง 1,561 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2670 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 75 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงค์หน้า/หลัง 836/793 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 72/55 มิลลิเมตร ภายในกว้างขวางขึ้น เฮดรูมด้านหน้าเพิ่มขึ้น 9 มิลลิเมตร ระยะหัวเข่าเพิ่มขึ้น 59 มิลลิเมตร และระยะหัวไหล่เพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร ที่วางขาหลังเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร ที่เก็บของด้านหลังมีความจุ 450 ลิตรเมื่อไม่พับเบาะ, 566 ลิตรเมื่อพับเบาะลงข้างเดียว และ 1390 ลิตร เมื่อพับเบาะลงทั้งหมด เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมมีความจุเพิ่มขึ้น 100, 216 และ 220 ลิตรตามลำดับ ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีฟังก์ชั่น MINI PICNIC BENCH สำหรับเปิดฝาท้ายขึ้นและนั่งเล่น

●   รุ่นไฮทริม มีจอที่คอนโซลกลางขนาด 8.8 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส (รุ่นคูเปอร์ และคูเปอร์ เอส จอขนาด 6.5 นิ้วเท่ากัน และคูเปอร์ เอส มีระบบนำทางผ่านดาวเทียม) มีระบบแสดงข้อมูลลนกระจกหน้าหรือ HUD แสดงผลความเร็ว ระบบนำทาง และการเตือนต่างๆ และเบาะผู้ขับปรับไฟฟ้าพร้อมความจำ 2 ตำแหน่ง และที่ดันหลังปรับไฟฟ้า


คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย


●   ช่วงแรกขับในเมืองจาก โรงแรมอนันดา หัวหิน ไปยังร้านอาหารกลางวัน Air Space Hua Hin เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะค่อนข้างจัดจ้าน แต่มีความประพฤติเรียบร้อยเมื่อต้องการ ขับในเมืองได้อย่างราบเรียบนุ่มนวลควบคุมง่าย และเมื่อต้องการกำลังก็แค่กดคันเร่งลงไปเบาๆ เครื่องยนต์ก็ตอบสนองได้อย่างทันใจ ด้วยแรงบิดสูงที่มาในรอบต่ำ จึงขับง่ายไม่ต้องลากรอบสูง เสริมประสิทธิภาพด้วยเกียร์อัตโนมัติ STEPTRONIC SPORT 8 จังหวะ ซึ่งมีการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและนุ่มนวล ทำให้อัตราเร่งต่อเนื่อง

●   ลองโยกคันเกียร์ไปโหมด M และใช้ PADDLE SHIFT รักษารอบไว้ประมาณ 3,000 รอบต่อนาที รถจะตอบสนองฉับไวขึ้นอีกพอสมควร รอบตวัดกวาดขึ้นได้อย่างรวดเร็วไปแตะ 6,000 รอบต่อนาที เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มให้อารมณ์สปอร์ต กำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์เหลือๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป เดินทางไกลความเร็วตามกฎหมายก็ใช้รอบต่ำ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและเซฟเครื่องยนต์

●   ส่วนในโหมด SPORT คันเร่งจะตอบสนองเร็วขึ้นอีก พร้อมทะยานตลอดเวลา ในโหมดนี้จะขับให้นุ่มนวลได้ยากสักนิด เพราะแตะคันเร่งนิดเดียวรถก็ทำท่าจะพุ่งออกไปแล้ว อีก 2 โหมดการขับที่ได้ลองใช้ คือ Mid เน้นความสมดุลของสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง และ Green ปรับการตอบสนองให้เป็นแบบรักษ์โลก

●   พวงมาลัยปรับความหนืดมาพอเหมาะ มีการตอบสนองที่ฉับไวขับคล่องตามสไตล์มินิ ยางแบบ Run Flat กับช่วงล่างที่เซตมาค่อนข้างแข็งเพื่อให้ได้อารมณ์ go-kart feeling ทำให้รู้สึกสะเทือนบ้างเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ แต่ก็นุ่มนวลกว่าโฉมแรก และส่งผลดีเมื่อขับบนทางเรียบ ตัวรถมีอาการโคลงไม่มากนัก เข้าโค้งแคบๆ ด้วยความเร็วสูงเกินปกติไปบ้างได้อย่างเฉียบคมและมั่นคง ส่วนแรงเบรกก็หนักแน่นไว้ใจได้

●   ไฮไลต์ของการทดลองขับครั้งนี้ น่าจะอยู่ที่การพาไปลุยทางฝุ่นแบบออฟโรดเล็กๆ ที่บางช่วงรถเก๋งไม่น่าจะผ่านไปได้เพราะมีหลุมค่อนข้างลึก แต่ด้วยระยะต่ำสุดที่มากกว่ารถเก๋งทั่วไป มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน จึงขับผ่านทางวิบากได้โดยสวัสดิภาพ ช่วงลุยทางฝุ่นต้องเว้นระยะห่างเพิ่มขึ้น เพื่อให้ฝุ่นจากคันหน้าจางลง ลดโอกาสโดนคันหน้าดีดหินใส่ และเพื่อให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ไกลๆ จะได้วางแผนหลบหลุมได้ทันท่วงที บางครั้งหลบไม่ได้ก็ลดความเร็วลงบ้าง การขับผ่านหลุมตื้นๆ ให้ความรู้สึกหนักแน่นของช่วงล่างและพวงมาลัย

●   ที่จุดถ่ายรูป มีรถมินิ จอดโชว์อยู่ บนหลังคาติดตั้งเต็นท์ AUTOHOME โครงสร้างผลิตจากไฟเบอร์กลาส น้ำหนักเบาแข็งแรงและลู่ลม เมื่อเปิดกางขึ้นจะมีผ้าปูที่นอนผลิตจากผ้าฝ้าย ประตูและหน้าต่างอย่างละ 2 บาน มีซิบสำหรับมุ้งกันแมลง ภายในเต็นท์มีไฟส่องสว่างแบบ LED ใส่ถ่าน และบันไดอะลูมิเนียม รองรับน้ำหนักได้ประมาณ 200 กิโลกรัม ราคาทั้งชุด 1 แสนบาท

●   ที่นั่งด้านหลังของคันทรีแมน น่าจะทำให้คนที่อยากขับมินิแต่ติดขัดเรื่องการใช้งาน ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะเบาะหลังรองรับการนั่งได้จริง ผู้โดยสารตัวใหญ่มีความสูงประมาณเกือบ 180 เซนติเมตร ยังสามารถนั่งหลับและกรนได้ แต่ต้องให้ผู้โดยสารด้านหน้าเลื่อนเบาะช่วยเล็กน้อย ขากลับลองย้ายไปนั่งเบาะหลัง รู้สึกว่าพนักพิงตั้งชันไปนิดกับเบาะรองนั่งสั้นไปหน่อย กับไม่มีที่เท้าแขนตรงกลางมาให้ ที่ชอบใจก็คือ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง อยู่บริเวณด้านหลังที่เท้าแขนระหว่างเบาะหน้า ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึง โดยเฉพาะในวันที่แดดแรงและรถไม่ได้ติดฟิล์ม

●   มินิ คันทรีแมน เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักมินิ ต้องการรถที่มีสไตล์โดดเด่น และสามารถใช้งานได้หลากหลายในคันเดียว นั่งได้ 4-5 คน ตัวถังยกสูงนิดๆ เพิ่มขอบเขตการใช้งานให้กว้างขึ้น ลุยทางวิบากได้บ้าง ส่วนบนทางเรียบก็ยังคงขับสนุกตามสไตล์มินิ รุ่นพื้นฐาน คูเปอร์ 2.339 ล้านบาท คูเปอร์ เอส 2.699 ล้านบาท และ คูเปอร์ เอส ไฮทริม 2.999 ล้านบาท ทุกรุ่นมาพร้อม MINI Service Inclusive ฟรีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร   ●

ขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง


2017 MINI Cooper Countryman