June 26, 2017
Motortrivia Team (10062 articles)

รู้หรือยัง? กฎหมายจราจรใหม่ เมาแล้วขับโดนปรับขั้นต่ำ 1 หมื่น


Press Release

 

●   กฎหมายจราจรใหม่เพื่อช่วยกันลดการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ที่เป็นสาเหตุอันดับที่ 1 ของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในบ้านเรา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา โดยปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีการปรับลงเหลือ 50 mg% กฎหมายใหม่ที่ว่านี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง? และหากเรามีความจำเป็นต้องดื่มก่อนขับรถ ปริมาณการดื่มเท่าไหร่ที่เป็นปริมาณที่เหมาะสม หรือการดื่มมาตราฐานนั้นอยู่ที่ปริมาณเท่าไหร่? และใช้เวลาขับออกจากร่างกายนานเท่าไหร่กัน?

พรบ. จราจรทางบกฉบับใหม่และโทษปรับ
●   มีการปรับลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลงเหลือ 50 mg% ซึ่งก็คือ “ความเมา” ตามคำจำกัดความของกฎหมายที่ว่า และมีความผิดตามกฎหมายจราจรใหม่ คือ:

1.  มีโทษจำคุก 1 ปี
2.  ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท
3.  หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.  ศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบขับขี่ไปเลย
5.  และสามารถยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน

●   หากขับรถด้วยความเมา และยังผลให้เกิดเหตุจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ

1.  มีโทษจำคุก 1-5 ปี
2.  ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท
3.  หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.  และศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือเพิกถอนใบขับขี่ไปเลย

●   หากขับรถด้วยความเมาจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายอย่างสาหัส

1.  มีโทษจำคุก 2-6 ปี
2.  ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท
3.  หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.  ศาลสามารถสั่งพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปีหรือเพิกถอนใบขับขี่ไปเลย

●   และหากเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วยอาการมึนเมาในขณะขับขี่

1.  มีโทษจำคุก 3-10 ปี
2.  ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท
3.  หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.  ศาลสามารถสั่งเพิกถอนใบขับขี่เลย

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์
●   เป็นไปตามกฎหมายจราจรใหม่ที่ประกาศเลยครับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2560 นี้เลยโดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ ถ้าตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากกว่า 50 mg% จะไม่ได้รับความคุ้มครองนะครับถ้าคุณจะดื่มก็อย่าขับรถเองเลยฮะ นอกจากจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมายแล้วโดนยึดรถไปอีก 7 วัน นั่งแท๊กซี่กลับหรือให้เพื่อนที่ไม่เมาขับมาส่งดีกว่าครับ

●   ส่วนคนที่ประสบเหตุซึ่งก็คือคนที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ครับยังคงได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจตามความคุ้มครองปกติ

ปริมาณแอลกอฮอล์ที่เราดื่มได้ถ้าขับรถต่อ
●   ก่อนอื่นต้องรู้จักคำว่า “1 ดื่มมาตราฐาน” กันก่อนว่ามันคืออะไร? หน่วยที่ว่านี้หมายถึงปริมาณวัดหน่วยการดื่มที่เราใช้ในการเปรียบเทียบในเครื่องดื่มแต่ละชนิดที่มีความแรงของแอลกอฮอล์ที่ต่างกัน และในปริมาณที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันเราดื่มมากเกินไปจนทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์มีมากเกินไปจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อร่ายกายและการตัดสินใจในขณะขับรถ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับเกิดขึ้นนั่นเองครับ

●   1 ดื่มมาตราฐาน เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กันมานานอย่างแพร่หลาย เทียบเท่ากับเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 10 กรัมหรือประมาณ 12.5 มิลลิลิตร และร่างกายสามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ใน 1 ชั่วโมง (สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง) และปริมาณที่เราดื่มได้ตามเกณฑ์คือ:

●   วิสกี้ 1 แก้ว ขนาด 30 ml. (3 ฝา) ดีกรีแอลกอฮอล์ 40% = ไวน์ 1 แก้ว ขนาด 100 ml. ดีกรีแอลกอฮอล์ 12% = เบียร์ 1 แก้ว 330 ml. ดีกรีแอลกอฮอล์ 5%

●   อีกเรื่องที่เราอยากให้เพื่อนๆ ระวังเอาไว้ก็คือ บทความต่างๆ ที่แชร์เรื่องเครื่องดื่มที่ช่วยให้สร่างเมานั้น ไม่เป็นความจริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เลยครับ การสร่างเมานั้นจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมาจากร่างการด้วยตับของเราตามเวลาที่ทิ้งช่วงไว้เท่านั้น ในขณะที่การดื่มนมเปรี้ยวก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับการที่ร่างกายขับแอลกอฮอล์ การดื่มกาแฟหรือแม้แต่การอาบน้ำเย็นจัดนั้น ช่วยแค่ทำให้เรารู้สึกตื่นตัว แต่แอลกอฮอล์ยังอยู่ปริมาณเท่าเดิม… เจอด่านเป่าก็เรียบร้อยเหมือนเดิม

●   ทว่า เราป้องกันไม่ให้เมาเร็ว หรือร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วได้โดยการ:

–  ทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนดื่ม โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง
–  เลือกดื่มเครื่องดื่มชนิดเดียว (หลายขนานเกินไปเมาเละแน่ครับ)
–  ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นหลังดื่มเสร็จ เพราะร่างกายเราจะขาดน้ำอย่างรุนแรง อาจเกิดอาการผิวแห้งตามมาโดยเฉพาะถ้าเราดื่มกาแฟไปด้วย หากเป็นไปได้ดื่มน้ำเพิ่ม 3 เท่าเลยครับ

●   สนใจข้อมูลเกี่ยวกับประกันรถยนต์ออนไลน์เพิ่มเติม เชิญได้ที่ www.frank.co.th   ●