ระบบช่วยขับคืออะไร ทำงานในลักษณะไหน และดีกว่าอย่างไร?
Press Release
● เทคโนโลยีที่ฉลาดที่สุดที่คุณมีอาจเป็นรถที่คุณขับอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งกำลังจะก้าวล้ำไปอีกขั้น ฟอร์ด เดินหน้าเต็มกำลังสู่เป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ติดตั้ง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ภายในปี 2021 เพื่อรองรับการใช้รถยนต์ร่วมกันและบริการรถเรียกสาธารณะ
● ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี กว่าโลกจะเริ่มเข้าสู่ยุครถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มตัว แต่รถยนต์ที่เราขับทุกวันนี้ก็ถูกนับเป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน ‘กึ่งอัตโนมัติ’ (Semi-Autonomous) และมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับในตัวอยู่แล้ว (Driver Assist) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจจับอาการของรถที่ไม่สมบูรณ์ก่อนที่ผู้ขับจะรู้ตัวว่าต้องการตัวช่วยเสียอีก แน่นอนว่าเทคโนโลยีช่วยขับในปัจจุบันเหล่านี้ฉลาดพอที่จะคิดแทนและตัดสินทักษะการขับรถของผู้ขับได้ในบางสถานการณ์
● อย่างไรก็ตาม รถจอมบงการไม่ได้มีขึ้นเพื่อทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง ซึ่งต่างจากผู้ที่ชอบบงการตัดสินคนอื่น เพราะมันช่วยให้คุณเป็นผู้ขับที่ดีขึ้น หากตอนนี้คุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ นี่คือ 6 เทคโนโลยีที่คุณควรมีไว้ในครอบครอง เพื่อช่วยให้การขับบนท้องถนนของคุณปลอดภัยขึ้น และตึงเครียดน้อยลง ทั้งนี้รายละเอียดของชุดระบบนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้น คุณควรศึกษารายละเอียดดังกล่าวจากคู่มือรถให้ดี
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
(Electronic Stability Program)
สถานการณ์: หักพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว ทำให้รถสูญเสียการทรงตัว
คำตัดสิน: ผู้ขับต้องการความช่วยเหลือเพื่อที่จะทำให้รถกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
การดำเนินการ: เพิ่มแรงเบรกและปรับแรงบิดเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถได้อีกครั้ง
วิธีการทำงาน: รถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มาพร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) อยู่แล้ว ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรักษาการทรงตัวในสถานการณ์การขับรถที่อันตราย หรือมีการหักหลบกระทันหัน เมื่อระบบตรวจพบว่ารถของคุณกำลังสูญเสียการทรงตัว มันจะทำการเพิ่มแรงเบรคที่ล้อแต่ละล้อให้โดยอัตโนมัติ และปรับแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อปรับปรุงเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ช่วยลดการลื่นไถลออกด้านข้าง หากไฟ ESP บนแผงหน้าปัดสว่างขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าระบบ ESP ทำงานแล้ว การหลีกเลี่ยงการลื่นไถลออกด้านข้างเป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุต่างๆ
ระบบแจ้งเตือนการขับ
(Driver Alert System)
สถานการณ์: รถเบี่ยงออกนอกเลน ส่ายไปมา
คำตัดสิน: ผู้ขับอาจไม่มีสมาธิหรือหลับใน
การดำเนินการ: แจ้งเตือนเมื่อความระมัดระวังในการขับขี่ลดลง
วิธีการทำงาน: ระบบแจ้งเตือนการขับ ตรวจวัดระดับความระมัดระวังในการขับรถโดยการวัดตำแหน่งของรถภายในเลน และอาการส่ายของตัวรถ หากผู้ขับมีระดับความระมัดระวังต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งอาจมีสาเหตุจากความเหนื่อยล้าหรือขาดสมาธิ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้ “พัก” (Rest Now) ควบคู่ไปกับเสียงแจ้งเตือน
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
(Lane Keeping System)
สถานการณ์: รถเบนออกจากเลนโดยไม่ตั้งใจ
คำตัดสิน: ผู้ขับกำลังเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ
การดำเนินการ: แจ้งเตือนเมื่อรถคุณกำลังเบนออกจากเลน และนำคุณกลับมาสู่เลนปัจจุบัน หากไม่มีการตอบสนอง
วิธีการทำงาน: ในขณะที่รถของคุณกำลังเบนออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะพิจารณาว่าเป็นการออกจากเลนโดยที่ไม่ตั้งใจ และระบบจะดำเนินการเข้าควบคุมแรงบิดของพวงมาลัยเพื่อดึงรถกลับเข้าสู่เลนเดิม หากรถยังคงเบี่ยงออกจากเลนโดยคุณไม่ตอบสนอง ขั้นต่อไป ระบบจะช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยการสั่นที่พวงมาลัย
ระบบเตือนการชนด้านหน้า
(Forward Collision Warning)
สถานการณ์: ในการจราจรที่มีการเคลื่อนตัวเร็ว มีแนวโน้มว่ารถของคุณจะปะทะกับรถคันหน้า และคุณก็ไม่ได้เตรียมรับมือที่จะป้องกัน
คำตัดสิน: ผู้ขับต้องการตัวช่วยเพื่อให้หยุดรถได้ทันเวลา เพื่อป้องกันโอกาสการชน
การดำเนินการ: แจ้งเตือนให้คุณหยุดรถได้อย่างรวดเร็วขึ้น
วิธีการทำงาน: หากความเร็วและระยะห่างของรถกับวัตถุที่เคลื่อนที่อยู่ด้านหน้ามีโอกาสที่จะเกิดการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมกระพริบไฟบนกระจกด้านหน้า และระบบจะชาร์จแรงเบรคเตรียมไว้ ทำให้ผู้ขับสามารถหยุดรถได้อย่างรวดเร็วเมื่อแตะเบรก
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ
(Adaptive Cruise Control)
สถานการณ์: รถคันหน้ากำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและรถของคุณก็วิ่งตามมาด้วยความเร็ว
คำตัดสิน: ลดโอกาสชนท้าย ในกรณีรถข้างหน้าชะลอความเร็ว
การดำเนินการ: ควบคุมระดับความเร็วของรถและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าของคุณให้คงที่
วิธีการทำงาน: เมื่อตั้งค่าควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ ระบบจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกตามคันหน้า
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
(Auto High Beam Control)
สถานการณ์: รถของคุณกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่ค่อนข้างมืด
คำตัดสิน: ผู้ขับลืมเปิดไฟสูง
การดำเนินการ: ควบคุมการเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติเพื่อลดอุบัติเหตุ
วิธีการทำงาน: ระบบนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าตรวจสอบสภาวะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อบริเวณนั้นมืดมากพอและไม่มีแสงไฟจากรถคันอื่นๆ โดยรอบ ระบบจะทำงานเปิดไฟสูงเองอัตโนมัติ และเมื่อตรวจจับว่ามีแสงไฟมากพอหรือมีไฟสวนจากรถตรงข้าม ระบบก็จะปิดไฟสูงอัตโนมัติ
● ปัจจุบันเทคโนโลยีขับเคลื่อน ‘กึ่งอัตโนมัติ’ และเทคโนโลยีช่วยขับมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมันทำให้ผู้ทดลองใช้ได้เห็นว่า เทคโนโลยีในโลกอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เตรียมพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีเหล่านี้และเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ไม่ว่ามันจะคิดตัดสินแทนเราอย่างไร แต่เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ก็เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวผู้ขับทั้งสิ้น ●