March 13, 2017
Motortrivia Team (10203 articles)

2018 Rimac Concept_One อัพเกรดชุดระบบขับเคลื่อน


Posted by : AREA 54

 

●   ในปี 2012 ไฮเปอร์คาร์พลังไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่ (BEV) Rimac Concept_One ของบริษัทสัญชาติโครเอเชีย Rimac Automobili นับว่าเป็นรถที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับโลกยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็ทอัพระบบขับเคลื่อนแบบแยกติดตั้งมอเตอร์ 4 ตัวสำหรับหมุนล้อทั้ง 4 หรือระบบกระจายแรงบิด All Wheel Torque Vectoring ที่สั่งการด้วยระบบอิเลคทรอนิค

●   ผ่านไปราว 4 ปี กลายเป็นว่าระบบขับเคลื่อนในลักษณะนี้กลายเป็นเซ็ทอัพยอดนิยมสำหรับไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น NIO EP9 ของบริษัท NextEV หรือ FF 91 ของบริษัท Faraday Future หรือ Lucid Air ของบริษัท Lucid Motors ทุกคันล้วนใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวทั้งนั้น นั่นทำให้ Concept_One กลายเป็นรถที่ไม่ได้มีความแตกต่างจากรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสดกว่าตามกาลเวลาไปโดยปริยาย

●   ในฐานะผู้ริเริ่ม Concept_One กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งกับรุ่นปรับปรุงที่ขยับตัวเลขประสิทธิภาพโดยรวมด้วยชุดระบบขับเคลื่อนอัพเกรด โดยระบบ AWTV หรือ All Wheel Torque Vectoring ยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวเป็นหลัก แยกการทำงานเป็น 2 ชุด แต่ละชุด (สำหรับแยกใช้ในล้อคู่หน้า-คู่หลัง) ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูง 250 กิโลวัทท์ ระบายความร้อนด้วยของเหลว 2 ตัว, อินเวอร์เตอร์สำหรับแปลงไฟ DC จากแบตเตอรี่เป็น AC 2 ตัว และชุดเกียร์ขนาดเล็กอีก 2 ตัว ระบบส่งกำลังเป็นแบบซิงเกิลสปีด เท่ากับว่าเฉพาะระบบในล้อคู่หน้า-หลัง แต่ละชุดจะผลิตกำลังได้ 500 กิโลวัทท์ (ราวๆ 670 แรงม้า)

●   เมื่อรวมกำลังทั้งระบบแบบ x2 ระบบ AWTV จะได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยแบตเตอรี่แพคใหม่ที่จ่ายไฟได้สม่ำเสมอและต่อเนื่องมากขึ้น ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟภายใน 1 ชม. เพิ่มขึ้นจาก 82 เป็น 90 กิโลวัทท์-ชม. กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 1,224 แรงม้า (+ 136HP) อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.5 วินาที (-0.1 วินาที) ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้ที่ 354 กม./ชม. เท่าเดิมเพื่อความปลอดภัย

●   นอกจากความสามารถในการจ่ายไฟที่ช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าผลิตกำลังได้มากขึ้น ระยะทางในการวิ่งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน Concept_One รุ่นอัพเกรดสามารถวิ่งทำระยะทางได้เพิ่มขึ้นเป็น 349 กม. (+19 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องแลกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,900 กก. (+50 กก. แบบเปลือยๆ ไม่รวมของเหลว)

●   อื่นๆ ยังคงเดิม อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังอยู่ที่ 42 : 58 แชสซีส์สเปซเฟรมวัสดุผสม อลูมิเนียม/คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วงล่างปรับระดับความสูงด้วยไฮดรอลิค กันสะเทือนด้านหน้าปีกนกคู่ ดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลังแบบพุชรอด คานกระทุ้งแบบรถ F1 ชุดเบรคไฮเพอฟอร์มานซ์ คาลิเปอร์หน้า 6 ลูกสูบ หลัง 4 ลูกสูบ พ่วงด้วยระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรค ส่วนยางยังคงใช้บริการ Pirelli P Zero ด้านหน้า 245/35 R20 ด้านหลัง 295/30 R20

●   หลังการจัดแสดงใน 2017 Geneva Motor Show ไรแมคจะเริ่มขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายทั่วโลกให้มากขึ้นในปีนี้ เริ่มที่สหรัฐฯ และเยอรมัน ในขณะที่ตลาดหลักอย่างตะวันออกกลางยังเป็นเป้าหมายหลักเช่นเดิม ราคาจำหน่ายยังไม่เปิดเผยในเวลานี้ ทว่ารุ่นก่อนหน้าราคาเริ่มต้นไม่รวมออปชั่นและภาษีอยู่ที่ 800,000 ยูโร หรือประมาณ 30 กว่าล้านบาทครับ   ●


2018 Rimac Concept_One