Honda Civic Hatchback การกลับมาอีกครั้งของแฮทช์แบครุ่นยอดนิยม

3.2Kviews

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

● นับจาก Civic EK ตัวถัง 3 ประตูรุ่นยอดนิยมหยุดทำตลาดในเมืองไทย ในที่สุด Honda Civic Hatchback รุ่นใหม่ล่าสุดก็เตรียมกลับมาสัมผัสท้องถนนในบ้านเราอีกครั้ง โดยรุ่นล่าสุดนี้อยู่ในวงชีวิตของ Civic เจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งในบ้านเราได้มีการทำตลาดรุ่นตัวถังซีดานไปก่อนหน้านี้

● คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่มียอดจองสะสมแล้วกว่า 35,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2559 และเพื่อตอกย้ำจิตวิญญาณความสปอร์ตของซีวิคอีกครั้งหนึ่ง เราจึงได้นำเสนอยนตรกรรมซีวิค ใหม่ ในรูปแบบของแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต หรูหรา และดีไซน์ด้านท้ายที่ดูโฉบเฉี่ยวจนใครก็ไม่อยากละสายตา ผสานกับสปิริตแห่งเครื่องยนต์ VTEC Turbo ที่ให้สมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง แต่ยังคงให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมกับความอเนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มคนที่ชื่นชอบความโดดเด่นแบบมีสไตล์ และมีจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ต”

คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

● Civic Hatch มากับตัวถังแฮทช์แบค 5 ประตู กระจังหน้า-หลังแบบรังผึ้ง ไฟหน้าทรงสปอร์ต LED ควบรวมกับ LED สำหรับวิ่งกลางวัน ไฟท้ายทรง C แบบ LED ส่วนด้านข้างระยะตัวถังตั้งแต่เสากลางหรือ B-Pillar ไปจนถึงด้านท้ายของตัวรถออกแบบใหม่ แนวเส้นหลังคาด้านท้ายจะถูกยกให้สูงมากกว่ารุ่นซีดาน เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ในขณะที่ระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านท้ายของตัวรถจะสั้นลงตามแบบฉบับของรถสไตล์ยุโรป

● ทั้งนี้ฮอนด้าระบุว่า งานออกแบบโดยรวมอยู่ภายใต้คำขวัญ “OTOKOMAE” ที่สื่อถึงความหรูหราสง่างามอันหมายถึงถึงความงามจากภายใน ทั้งในแง่ของความคิดและจิตใจ ผสานกับวิถีการใช้ชีวิต ซึ่งทีมวิศวกรผู้พัฒนาต้องนำเทคโนโลยีในรถหรูมาใช้ในส่วนของการออกแบบ โดยไม่จำกัดเพียงแค่การมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจเท่านั้น แต่ลักษณะของเส้นสาย และส่วนโค้งเว้าที่ถูกนำมาใช้จะต้องสามารถใช้ประโยชน์ในเชิงเทคนิคได้ด้วยเช่นกัน

Civic Hatch เวอร์ชั่นตลาดโลก

● ในตลาดโลก Honda Civic Hatchback ถูกนับเป็นรถรุ่นปี 2017 การเปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงอย่างเป็นทางการมีขึ้นในงาน 2016 Paris Motor Show เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เทียบกับรุ่นก่อนหน้าขนาดตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ความยาวรวม 4,497 มม. (+127 มม.) กว้าง 1,800 มม. (+30 มม.) ความสูงลดลงเหลือ 1,421 มม. (-20 มม.) ความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นนิดหน่อย 2,625 มม. (+30 มม.) น้ำหนักตัวลดลงราว 16 กก. แชสซีส์รับแรงบิดตัวได้ดีขึ้น 52% จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 10 มม. ห้องโดยสารถูกปรับปรุงให้มีพื้นที่วางขาและไหล่เพิ่มขึ้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 414 ลิตร และเพิ่มขึ้นเป็น 478 ลิตร (+1 ลิตร) เมื่อพับเบาะ โดยเบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40

● ในเวอร์ชั่นอเมริกาเหนือนั้น ฮอนด้าจะทำตลาดด้วยรุ่นเครื่องยนต์เดียว คือ เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุดแบ่งเป็น 2 ช่วงกำลัง 174 และ 180 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. ระบบส่งกำลังมีทั้งอัตโนมัติ CVT และธรรมดา 6 จังหวะ

● สำหรับเวอร์ชั่นยุโรปนั้น ฮอนด้าเริ่มทำตลาดด้วย 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ ประกอบด้วยเบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ เวสท์เกทไฟฟ้า กำลังสูงสุด 127 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม. ส่วนอีกรุ่นคือเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.4 กก.-ม. ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานการคายไอเสียในระดับ Euro 6 ระบบส่งกำลังมี 2 ทางเลือกเช่นกัน

● จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2017 จะมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 118 แรงม้า เพิ่มเติมอีก 1 รุ่น ส่วนเวอร์ชั่นสมรรถนะสูง Honda Civic Type R ซึ่งจะตามมาในช่วงปี 2018 จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้ใช้งาน กำลังสูงสุดยังไม่ระบุในเวลานี้ แต่คาดว่าจะไม่น้อยกว่า Ford Focus RS รุ่นปัจจุบันซึ่งมีกำลังมากกว่า 300 แรงม้า

Civic Hatch สำหรับนักขับชาวไทย

● สำหรับบ้านเรา Civic Hatch จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 1.5 ลิตร VTEC จ่ายเชื้อเพลิงตรง ท่อไอดีออกแบบตรง ใช้เทอร์โบชาร์จช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ให้เร็วขึ้น และมีเวสท์เกทไฟฟ้าช่วยระบายไอเสียส่วนเกิน เสริมด้วยระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ Dual VTC ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ CVT ทั้งเครื่องยนต์และเกียร์พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. เริ่มที่ 1,700 – 5,500 รอบ/นาที

● ฮอนด้าระบุว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้ให้กำลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่ากับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

● ชุดระบบอำนวยความสะดวกในห้องโดยสารมีอาทิ จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วแบบ Advanced Touch เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth พอร์ท USB รองรับฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นมีปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, จอแสดงข้อมูลการขับแบบ TFT สามารถสลับข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย, Cruise Control System, Paddle Shift, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ One Push Ignition System, ระบบ Engine Remote Start สตาร์ทเครื่องยนต์และแอร์ด้วยกุญแจรีโมท, แอร์อัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

● ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ประกอบด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON, กล้องหลังมุมมอง 3 ระดับ, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง คู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้า i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags, เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้, เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง, เบรคมือไฟฟ้า, กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย และระบบ Walk Away Auto Lock ล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ

● ส่วนชุดระบบอิเลคทรอนิค ประกอบด้วย ระบบเบรค ABS + EBD, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA, ระบบแสดงสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS และระบบ Auto Brake Hold ช่วยหน่วงระยะเวลาเบรคอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรคให้รถหยุดนิ่ง ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้

● ฮอนด้าจะเริ่มจำหน่าย Civic Hatch ใหม่ในไทยด้วยรุ่น “Honda Civic Hatchback Turbo” สีภายนอกมี 5 สี ดำมุก Midnight Burgundy Pearl, ขาวมุก White Orchid Pearl, ดำมุก Crystal Black Pearl, เทา Modern Steel Metallic และเงิน Lunar Silver Metallic ราคาจำหน่าย 1,169,000 บาท ครับ ทั้งนี้สีขาวมุกเพิ่มเงิน 10,000 บาท ส่วนสีดำมิดไนท์และดำคริสตัลเพิ่ม 6,000 บาท

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.honda.co.th/Civichatchback หรือตรงไปที่โชว์รูมฮอนด้าได้ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป ●