สำหรับประกันภัยรถยนต์ รหัสรถยนต์นั้นสำคัญแค่ไหน?

Press Release

•   รหัสรถยนต์ คือสิ่งที่เรามักจะเจอได้บ่อยๆ เนื่องจากเวลาที่เราต้องการซื้อประกันภัยรถยนต์ รหัสรถยนต์จะถูกระบุไว้ในข้อตกลงของกรมธรรม์ว่า ประกันภัยรถยนต์ชนิดนั้นสามารถใช้ได้กับรถประเภทใดบ้างนั่นเอง อาทิเช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ระบุไว้ว่า รถยนต์ที่สามารถใช้บริการประกันภัยนี้ได้ต้องเป็นรถยนต์ที่มี รหัส 110 หรือรถยนต์ที่มี รหัส 120 เท่านั้นเป็นต้น… แล้วรหัสนี้คืออะไร มีความสำคัญแค่ไหน? เรามาหาคำตอบกัน

•   รหัสรถยนต์ถูกระบุขึ้นตาม “พรบ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้บริษัทประกันภัย รับประกันภัยรถยนต์ตาม ประเภทรถยนต์ รหัสรถยนต์ ลักษณะการใช้รถยนต์ และ ขนาดรถยนต์” ทั้งนี้ก็เพื่อให้การซื้อประกันภัยรถยนต์เป็นไปอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อประกันภัยรถยนต์ผิดประเภทไปจากการใช้งานจริงนั่นเอง

การตรวจสอบรหัสรถยนต์ทำได้อย่างไร

•   การตรวจสอบรหัสรถยนต์สามารถตรวจสอบได้จากการนำทะเบียนรถยนต์ของเราเอง มาเทียบกับกรมธรรม์ที่ทางบริษัทรับประกันภัยรถยนต์ออกให้ เมื่อเราตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลการใช้รถของเรา และเอกสารจากทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ให้มาไม่ตรงกัน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันให้ทราบทันที เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเราเอง

รหัสรถยนต์มีอะไรบ้าง

1. รถเก๋ง / รถกระบะ 4 ประตู (รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 ที่นั่ง)
–   รหัส 110 คือ รถยนต์ใช้ส่วนบุคคลไม่ใช้รับจ้างหรือให้เช่า
–   รหัส 120 คือ รถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนบุคคลเพื่อการใช้งานรับจ้าง หรือให้เช่า

2. รถกระบะบรรทุก (รถยนต์บรรทุกไม่เกิน 3 ตัน) ป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว
–   รหัส 210 คือ รถยนต์ใช้ส่วนบุคคล ไม่มีโครงเหล็ก หรือ โครงหลังคา
–   รหัส 320 คือ รถยนต์บรรทุกใช้เพื่อการพาณิชย์ รับจ้างหรือให้เช่า (ใช้งานบรรทุก/ใช้โดยสาร)
–   รหัส 340 คือ รถยนต์บรรทุกใช้เพื่อการพาณิชย์ ใช้บรรทุกวัตถุอันตราย

3. รถตู้โดยสาร (รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล)
–   รหัส 210 คือรถยนต์โดยสารใช้ส่วนบุคคล ไม่สามารถนำมาใช้รับจ้างหรือให้เช่าหรือใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง
–   รหัส 220 คือรถยนต์โดยสารเชิงพาณิชย์ ใช้เพื่อรับจ้างรับส่งคน เช่น พนักงาน นักเรียน

4. รถตู้โดยสาร (รถยนต์โดยสารรับจ้าง)
–   รหัส 220 คือรถยนต์โดยสารใช้รับจ้างรับส่งคน เช่น พนักงานบริษัท นักเรียน
–   รหัส 230 คือรถยนต์โดยสาร ใช้รับจ้างประจำทางและรับจ้างสาธารณะ

•   สิ่งที่ควรรู้ : บริษัทรับประกันภัยรถยนต์จะมีแพคเกจประกันรถยนต์ไว้ให้บริการแตกต่างกันตามประเภทรถยนต์ และการใช้งานจริง ไม่ได้อิงจากทะเบียนรถเพียงอย่างเดียว เช่น รถคันที่เอาประกันมีการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ถูกนำไปใช้เพื่อการรับจ้าง หรือเชิงพาณิชย์ หากเกิดอุบัติเหตุ หรือมีความเสียหายเกิดขึ้นบริษัทประกันสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมาตกอยู่ที่เราทั้งหมด

•   ดังนั้นการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ในแต่ละครั้ง นอกจากความคุ้มครองครอบคลุมที่เราต้องให้ความสำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการตรวจดูเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และรหัสรถยนต์ให้ตรงกับการใช้งานจริง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายในอนาคตได้นั่นเอง

•   สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้ที่ finance.rabbit.co.th   •