July 13, 2016
Motortrivia Team (10167 articles)

Mazda สรุปการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งแรกปี 2559 เตรียมส่งรถรุ่นใหม่ในครึ่งปีหลัง 3 รุ่น


ภาพ : จันทนา เจริญทวี

 

   มาสด้า ประเทศไทย แถลงข่าวสรุปการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 โดยปริมาณยอดขายมาสด้าทุกรุ่นรวม 21,000 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 25.7% พร้อมเตรียมการส่งรถรุ่นใหม่ลงตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น มั่นใจยอดขายปี 2559 มากกว่า 42,000 คัน

  นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทย ได้รับผลพวงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ผ่านมา โดย 6 เดือนแรก ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นคัน เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ในครึ่งปีแรกยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 370,000 คัน ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น คาดว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 410,000 คัน มาสด้ายังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในปี 2559 จะทะลุถึง 780,000 คัน”


(จากซ้าย) นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร และนายชาญชัย ตระการอุดมสุข รองประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด


  มาสด้ามั่นใจว่าปัจจัยด้านบวกและการส่งสัญญาณที่ดี จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไปถึงเป้าหมาย โดยมีปัจจัยหลักสำคัญดังต่อไปนี้:

1. การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น : การบริโภคของภาคเอกชน มีการปรับขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนเกษตรเริ่มปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย กำลังซื้อโดยรวมของครัวเรือนที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น

2. การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเริ่มปรับดีขึ้น : การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เริ่มปรับดีขึ้น เห็นได้จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากแผ่วลงในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่การขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดของมาสด้าและคู่แข่ง

3. ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง : ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวมีตัวเลขการขยายตัวร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

4. รถยนต์คันแรก : รถยนต์คันแรกใกล้ครบกำหนดระยะ 5 ปีในการถือครอง จึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมองหารถยนต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น

5. เทรนด์ลูกค้าเปลี่ยน : ลูกค้ามองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมภายในคันเดียว และมีความทันสมัย ให้ความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ครบครันด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น

อัตราการเติบโตต่อเนื่องนับจากปี 2558

   จากผลการวิจัยของมาสด้าพบว่า ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากอดีต โดยมีความต้องการใช้รถที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการอย่างหลากหลาย และครบครันภายในคันเดียว มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล มีการไตร่ตรองมากขึ้น หรือมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อรถมากขึ้น ให้ความสนใจในรายละเอียดของรถมากขึ้น

  สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2559 นับว่ามาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2558 เฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายมาสด้าเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ในขณะที่ตลาดหดตัวลง ประมาณการจากยอดจำหน่ายของตลาดรวมทุกยี่ห้ออยู่ที่ 370,000 คัน เป็นยอดขายของมาสด้า 21,160 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.7% สูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ที่สำคัญมาสด้าเป็นแบรนด์เดียวที่มียอดขายสูงสุดในตลาด 25.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 16,837 คัน โดยยอดขายในครึ่งปีแรกแบ่งออกเป็น:

   รถยนต์นั่ง จำนวน 13,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 10,986 คัน
   รถอเนกประสงค์ จำนวน 4,512 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 1,734 คัน

   มาสด้าเชื่อว่าความสำเร็จทั้งหมด เกิดขึ้นภายใต้ 6th Generation Products ซึ่งส่งผลให้มาสด้าครองส่วนแบ่งตลาด 5.7% โดยเฉพาะในเซกเมนต์รถยนต์นั่งที่มาสด้าครองส่วนแบ่งการตลาด 13% หรือนับเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง ส่วนในตลาดรถอเนกประสงค์นั้น มาสด้าครองส่วนแบ่งการตลาด 8.0% (รวม PPV) และครองส่วนแบ่งการตลาด 18.6% ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่ไม่รวม PPV

   อีกหนึ่งปัจจัยคือ การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในประเทศไทยรวม 5 รุ่นในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับโฉมและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ อีก 4 รุ่นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมาสด้ามีการสื่อสารแบรนด์อย่างชัดเจน ทั้งนี้รถที่ช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายในครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย:

1. Mazda2 MY2016  เครื่องยนต์ SkyActiv ดีเซล 1,500 ซีซี และเบนซิน 1,300 ซีซี โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮทช์แบคและซีดาน เพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลังเพิ่มไฟวิ่งกลางวัน Day Time Running Lamp ซึ่งในกรณี Mazda2 นั้น โครงสร้างราคาภาษีสรรพสามิตใหม่ยังช่วยให้มีการปรับราคาลดลงตามสัดส่วน ยังผลให้ Mazda2 เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดของมาสด้า

2. Mazda CX-5 โฉมใหม่  มากับ 4 Key Pillars ของมาสด้า ประกอบด้วย KODO Design, เทคโนโลยี SkyActiv, ระบบความปลอดภัย i-Activsense และระบบเชื่อมต่อ MZD connect รุ่นเครื่องยนต์มีทั้งดีเซล 2,200 ซีซี ในรุ่น 2WD และ AWD และเบนซิน 2,000 ซีซี เพิ่มความสปอร์ตด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่

3. Mazda3 มีการปรับเพิ่มอุปกรณ์ ด้วยการติดตั้งระบบ i-Stop ดับเครื่องอัตโนมัติขณะหยุดนิ่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิง

4. Mazda MX-5 มีการเริ่มส่งมอบตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา

ครึ่งปีหลัง เน้นสื่อสารแบรนด์ และบริการหลังการขาย

   นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้ายังคงเน้นการเพิ่มเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์ เพื่อเสริมสมรรถนะในการขับขี่และการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานและมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้ มาสด้ามุ่งหวังที่จะเน้นสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นหลัก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและคุณค่าให้กับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอัตตราการเติบโตสูงสุด ซึ่งการเติบโตของมาสด้านี้เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และเน้นความเป็นพรีเมียมแบรนด์ ที่มาสด้าได้บุกเบิกเมื่อปี 2558 และในครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2559 นี้ มาสด้าก็ยังคงมั่นใจว่าจะยังเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย 42,000 คัน ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4% โดยเรายังคงมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง”

   นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “นอกเหนือจาก 4 Pillars หลักของมาสด้าที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้าเตรียมนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเสไทย พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างคุณค่าต่างๆ ของรถยนต์มาสด้าที่ส่งมอบต่อลูกค้าไปตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย ด้านอารมณ์และความสุข เพื่อเสริมสร้างคุณค่าความเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า และตอบสนองคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่มีแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่รถยนต์ แต่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนบุคลิกของตัวเอง และสร้างสีสันกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ที่โดนใจ และสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนานในการขับ นอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบของการใช้งาน ส่วนในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์ มาสด้ามุ่งมั่นที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ภายใต้สายการผลิตที่มีแพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลกและอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตเดียวกันเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพรถยนต์มาสด้าเฉกเช่นเดียวกับลูกค้ามาสด้าทั่วโลก”

   ปีนี้มาสด้าจะเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายเป็นนโยบายหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเป็นเจ้าของรถมาสด้า พร้อมพัฒนาบุคลากรฝ่ายขายและฝ่ายบริการ โดยมุ่งเน้นในการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ปัจจุบันจากผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าด้านบริการหลังการขาย มาสด้าก็ทำได้ดีขึ้นกว่าปี 2557 ในด้านผู้ให้คำแนะนำในการบริการและสถานที่รับบริการ ซึ่งนับเป็นสัญญาณอันดีในด้านคุณค่าของการเป็นเจ้าของรถ หรือ Cost of Ownership ซึ่งมาสด้ามีการพัฒนาปรับปรุงด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลสำรวจ JD Power ในปี 2558 ที่มาสด้าได้รับการจัดลำดับเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของรถยนต์นั่ง ในการให้บริการด้านการขาย (SSI) จากผลการสำรวจฯ

   นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเดินทางของมาสด้าด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถมาจนถึงวันนี้ มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็นสังคมคนรักมาสด้าขนาดใหญ่ สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันของมาสด้าก็เป็นสิ่งที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมาตลอด เรามีการจัดกิจกรรมกับทางลูกค้าและชมรมคนรักมาสด้าต่างๆ ทุกปี เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและสืบทอดสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น Mazda Motorsport Day และ Jinba-Ittai Academy เพื่อส่งเสริมความรักและความผูกพันต่อแบรนด์มาสด้า จนลูกค้ากลายมาเป็น brand ambassador เป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับแบรนด์ และยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุดกลายเป็นครอบครัวมาสด้าอย่างเหนียวแน่น ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริงจากรุ่นสู่รุ่น”

   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ ของมาสด้า เชิญได้ที่ www.mazda.co.th  


2016 Half Year Mazda Business Review